เจแปนเรลพาส (เจอาร์พาส) คือตั๋วชนิดพิเศษที่มีไว้สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะ โดยนักท่องเที่ยวสามารถใช้เจอาร์พาสเพื่อเดินทางแบบไม่มีจำกัดจำนวนการใช้งานบนเครือข่ายของกลุ่มบริษัทรถไฟญี่ปุ่น (JR) ซึ่งรวมไปถึงรถไฟด่วนหัวกระสุนชินคันเซ็น (Shinkansen) รถไฟด่วนพิเศษชนิดที่จอดสถานีน้อยที่สุด ใช้เวลาในการเดินทางสั้นที่สุด และถึงจุดหมายเร็วที่สุด (Limited Express Trains) และรถไฟสายประจำแต่ละภูมิภาค
เจอาร์พาสช่วยให้คุณเดินทางได้แบบไม่มีจำกัดจำนวนครั้งในช่วงเวลาที่กำหนด โดยส่วนใหญ่แล้วนั่นคือในช่วงระยะเวลา 7 วัน 14 วัน และ 21 วัน ซึ่งมาในราคาสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตาม เจอาร์พาสที่มีอายุการใช้งานสั้นๆก็มีให้เลือกซื้อสำหรับบางเส้นทางเช่นกัน เริ่มต้นที่ 1 วัน นอกจากนี้ ผู้ใช้เจอาร์พาสยังสามารถใช้บริการรถบัสภูมิภาคของกลุ่มบริษัทรถไฟญี่ปุ่น และ Miyajima Ferry ได้อีกด้วย หากคุณมีแผนจะเดินทางออกจากโตเกียวอย่างน้อย 2 ครั้ง แค่ใช้เจอาร์พาสก็คุ้มแล้วล่ะ เนื่องจากการเดินทางในญี่ปุ่นนั้นราคาไม่ถูกเลย ดังนั้นการใช้ตั๋วนี้จึงจะช่วยให้คุณประหยัดเงินไปได้เยอะเลย
ราคาของเจอาร์พาสอาจแตกต่างกันไปสำหรับแต่ละคน ขึ้นอยู่กับว่าซื้อมาจากที่ไหน อัตราแลกเปลี่ยน และโปรโมชั่นที่คุณหามาได้ด้วย โดยตัวอย่างราคามีดังต่อไปนี้:
7 วัน | 14 วัน | 21 วัน |
---|---|---|
เด็ก 8,500 บาท | เด็ก 13,400 บาท | เด็ก 17,100 บาท |
ผู้ใหญ่ 12,200 บาท | ผู้ใหญ่ 19,500 บาท | ผู้ใหญ่ 25,000 บาท |
7 วัน | 14 วัน | 21 วัน |
---|---|---|
เด็ก 8,500 บาท | เด็ก 13,500 บาท | เด็ก 17,100 บาท |
ผู้ใหญ่ 17,000 บาท | ผู้ใหญ่ 27,000 บาท | ผู้ใหญ่ 34,000 บาท |
สำหรับเด็กที่มีอายุ 0 ถึง 5 ปี สามารถใช้บริการเครือข่ายการเดินทางของกลุ่มบริษัทรถไฟญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องซื้อเจแปนเรลพาส ข้อควรระวังอย่างหนึ่งคือเด็กเหล่านี้จะไม่มีที่นั่งเป็นของตัวเอง และต้องอยู่บนตักของผู้ใหญ่ที่มาด้วยกันเท่านั้น ยกเว้นบนขบวนมีที่นั่งว่างที่ไม่มีการจองไว้ หรือทำการจองที่นั่งไว้ให้เด็กเหล่านี้ต่างหาก จริงๆแล้วไม่มีข้อกำหนดว่าใครนั่งได้กี่ที่ ขอแค่เด็กเหล่านี้มีพาสเป็นของตัวเองก็โอเคแล้ว
ชินคันเซ็น (Shinkanzen) หรือ รถไฟด่วนหัวกระสุน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท: ตู้ที่นั่งธรรมดา (Ordinary Cars) และ ตู้ที่นั่งพิเศษ (Green Cars) โดยทั้งสองประเภทต่างกันในเรื่องของความสุขสบาย พื้นที่ และเงื่อนไขของการให้บริการ
Ordinary Cars คือ ตู้ที่นั่งมาตรฐานของชินคันเซ็น ที่นั่งให้ฟีลอบอุ่น เรียงตัวกันแบบ 3+2 ซึ่งก็เพียงพอแล้วสำหรับคนส่วนใหญ่ โดยตู้เหล่านี้ได้รับการบำรุงรักษาเป็นอย่างดี และมอบประสบการณ์การเดินทางสุดเพลินใจในราคาที่ย่อมเยากว่า ตั๋วสำหรับตู้ที่นั่งธรรมดาไม่มีการกำหนดที่นั่ง นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถไฟทั้งที่ไม่มีหมายเลขที่นั่งได้เลย ซึ่งสะดวกมากสำหรับคนที่กำหนดการไม่แน่นอน
Green Cars นั้นเปรียบเสมือนบริการชั้นหนึ่ง ในตู้ประเภทนี้ ที่นั่งถูกจัดวางเป็นแบบ 2+2 ทำให้มีพื้นที่สำหรับวางแขนที่กว้างกว่า ส่วนพื้นที่วางขาก็กว้างกว่าด้วยเช่นกัน ให้ความรู้สึกอย่างกับนั่งอยู่ในเครื่องบินชั้นธุรกิจ ทุกที่นั่งบนตู้ที่นั่งพิเศษจะมีการจองที่ไว้สำหรับแต่ละคน ดังนั้นผู้โดยสารทุกคนจะมีที่นั่งเป็นของตัวเองแน่นอน นักท่องเที่ยวสามารถดื่มด่ำไปกับความเงียบและสิทธิพิเศษของตู้ชนิดนี้ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ตามที่นั่งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ให้ใช้ด้วย เช่น เก้าอี้ไฟฟ้าสำหรับเอนกายพักผ่อนที่มาพร้อมโคมไฟสำหรับอ่านหนังสือ ด้วยเหตุเหล่าตู้ที่นั่งพิเศษจึงมีราคาที่สูงกว่าตู้ที่นั่งธรรมดา เพราะว่าตู้ที่นั่งพิเศษให้ความหรูหราสะดวกสบายกว่าเยอะ
โดยรวมแล้ว แม้ว่า Ordinary Cars จะมีการให้บริการที่ดีเยี่ยม Green Cars มอบความสะดวกสบายขั้นสุดและการบริการที่เหนือกว่ายิ่งขึ้นกว่าไปอีก รวมถึงมีอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ให้การเดินทางของคุณหรูสุดๆไปเลย
วิธีซื้อและรับพาสที่ครอบคลุมทั้งประเทศญี่ปุ่น (National JR Pass):
ถ้าคุณอยากซื้อพาสที่ครอบคลุมระดับภูมิภาค (Regional Rail Passes) สามารถทำได้ง่ายๆเลย ไม่ต้องรอรับวอเชอร์ด้วย โดยหลังจากที่ทำการซื้อเสร็จ คุณจะได้รับ QR code ที่สามารถนำไปใช้ที่เครื่องออกตั๋วที่สถานี แล้วรับพาสได้เลย
นักท่องเที่ยวสามารถซื้อเจแปนเรลพาสจากตัวแทนจําหน่ายในไทย ซึ่ง 12Go เองก็เป็นหนึ่งในตัวแทนจำหน่ายอย่างถูกต้องของกลุ่มบริษัทรถไฟญี่ปุ่นเช่นกัน เช็คราคาและจองเจอาร์พาสได้ที่นี่
รถไฟด่วนหัวกระสุนชินคันเซ็น (Shinkansen) เป็นหนึ่งในวิธีการเดินทางที่สะดวก แต่บางทีก็คนแน่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาเร่งด่วน หรือ วันหยุดนักขัตฤกษ์ ดังนั้นการจองที่นั่งไว้ก่อนล่วงหน้าจึงมีประโยชน์ การจองที่นั่งไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ผู้ใช้เจอาร์พาสสามารถทำการจองที่นั่งได้ที่เคาน์เตอร์แลกตั๋วของกลุ่มบริษัทรถไฟญี่ปุ่นหรือที่เครื่องออกตั๋วตามสถานีรถไฟในญี่ปุ่นได้เลย
ข้อดีของเครื่องออกตั๋วคือประหยัดเวลา คุณสามารถแลกวอเชอร์ (exchange order) เพื่อรับเจอาร์พาสตัวจริง หรือทำการจองที่นั่งได้โดยที่ไม่ต้องไปต่อคิวที่เคาน์เตอร์แลกตั๋วที่บางทีก็อาจคนเยอะ
นอกจากนี้ คุณยังสามารถจองออนไลน์ได้ด้วยนะ แต่ยังคงจำเป็นต้องไปที่เครื่องออกตั๋วเพื่อรับใบจองที่นั่งก่อนขึ้นรถไฟ
ข้อยกเว้นอย่างหนึ่งคือคุณไม่สามารถจองผู้ให้บริการบนเส้นทาง JR Central ออนไลน์ได้ (เส้นทาง โตเกียว - เกียวโต - โอซาก้า) นอกจากนี้ รถไฟต่างจังหวัดและรถไฟที่วิ่งระยะสั้น ก็จองที่นั่งไม่ได้
การจองที่นั่งเป็นสิ่งจำเป็นเฉพาะสำหรับรถไฟบางขบวนเท่านั้น เช่น Narita Express รถไฟด่วนหัวกระสุนชินคันเซ็น (Shinkanzen) บางขบวน และ รถไฟด่วนพิเศษชนิดที่จอดสถานีน้อยที่สุด ใช้เวลาในการเดินทางสั้นที่สุด และถึงจุดหมายเร็วที่สุด (Limited Express Trains) ขบวนที่วิ่งจาก โอซาก้า และ โตเกียว ไป อามาโนะฮาชิดาเตะ, คิโนะซากิออนเซ็น และ คุมาโนะ
เจอาร์พาสมีไว้สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นด้วยสถานะ ผู้มาเยี่ยมเยียนชั่วคราว (Temporary Visitor) โดยส่วนใหญ่แล้วรวมไปถึงนักเดินทางที่เข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว หรือ ได้รับการยกเว้นวีซ่า เช่น มาจากประเทศที่ไม่จำเป็นต้องมีวีซ่า
วิธีใช้เจอาร์พาสก็ง่ายๆ เพียงแสดงพาสที่ประตูตรวจตั๋วก่อนขึ้นรถไฟ
การยกเลิกการจองเจอาร์พาสในกรณีส่วนใหญ่แล้วคุณต้องไปที่เคาน์เตอร์แลกตั๋วเจอาร์พาสในญี่ปุ่น อาจต้องแสดงวอเชอร์ (exchange order) และเอกสารอื่นๆที่เกี่ยวข้อง อาจมีค่ายกเลิกการจองและขั้นตอนต่างๆเพิ่มเข้ามา ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี แนะนำว่าให้ศึกษานโยบายการยกเลิกสำหรับพาสของคุณไว้ก่อน
อีกทางหนึ่งก็คือ ถ้าวอเชอร์ยังไม่ถูกใช้งาน คุณสามารถขอเงินคืนได้โดยไม่ต้องเสียค่ายกเลิก โดยส่งคำขอคืนเงินบนระบบของเราภายใน 1 ปีหลังจากวันที่วอเชอร์ออก เพียงติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของเราพร้อมระบุหมายเลขการจองของคุณ
ขอบเขตการใช้งานเจแปนเรลพาสครอบคลุมอย่างทั่วถึงทั้งประเทศญี่ปุ่น มอบการเดินทางแบบไม่มีจำกัดด้วยรถไฟ รถบัส และเรือเฟอร์รี่ของ กลุ่มบริษัทรถไฟญี่ปุ่น รวมไปถึงรถไฟด่วนหัวกระสุนชินคันเซ็น (Shinkansen) รถไฟด่วนพิเศษชนิดที่จอดสถานีน้อยที่สุด ใช้เวลาในการเดินทางสั้นที่สุด และถึงจุดหมายเร็วที่สุด (Limited Express Trains) รถไฟสายประจำแต่ละภูมิภาค รสบัส และเรือเฟอร์รี่ที่ดำเนินการโดยกลุ่มบริษัทรถไฟญี่ปุ่น (JR Group)
กลุ่มบริษัทรถไฟญี่ปุ่นครอบคลุมพื้นที่มากมายหลายโซนในประเทศญี่ปุ่น แบ่งออกเป็นโซนหลักๆดังนี้:
แม้ว่าเจอาร์พาสจะครอบคลุมรถไฟด่วนหัวกระสุนชินคันเซ็น (Shinkansen) ส่วนใหญ่ แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่เหมือนกัน เช่น Nozomi trains และ Mizuho trains ที่วิ่งบนสาย Tokaido Shinkansen และ Sanyo Shinkansen เจอาร์พาสไม่ร่วมกับรถไฟที่ไม่ได้ดำเนินการโดยกลุ่มบริษัทรถไฟญี่ปุ่น เช่น Odakyu Line รถไฟสายที่เป็นส่วนหนึ่งของ Tokyo Subway Line (ซึ่งครอบคลุมเฉพาะ Yamanote line และสายที่วิ่งออกนอกเมือง) และ Keio Line
ในบางการให้บริการของเจอาร์พาสอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมบนรถไฟ หรือ ค่าปรับแก้ไข ที่จะเรียกเก็บที่สถานีปลายทาง ดังต่อไปนี้:
นอกจากนี้ บริการของรถไฟขบวน Hashidate/Tango, Shimanto/Ashizuri, Spacia/Kinugawa, Super Hakuto/Super Inaba และ Super Odoriko อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมต่างหากเช่นกัน
เจอาร์พาสนับระยะเวลาของการใช้งานตามวันบนปฏิทิน โดยเริ่มจากเที่ยงคืน จบที่เวลาเที่ยงคืน ไม่ใช่การนับแบบ 24 ชั่วโมง
เช่น คุณมีเจอาร์พาสแบบ 7 วัน เริ่มใช้งานครั้งแรกวันที่ 1 มกราคม เวลา 12.00 ตั๋วเจอาร์พาสของคุณใบนี้จะหมดอายุวันที่ 7 มกราคม เวลา 24.00 (ไม่ใช่หมดอายุวันที่ 8 มกราคม เวลา 15.00 ซึ่งจะถูกนับเป็นที่ 8) สรุปสั้นๆคือ ไม่ว่าจะใช้ครั้งแรกตอนกี่โมงก็ตาม วันที่ใช้ครั้งแรกจะถูกนับเป็นวันที่ 1 และ เจอาร์พาสของคุณ จะหมดอายุตอนเที่ยงคืนของวันที่ 7 นั่นเอง
ถ้าหากคุณขึ้นรถไฟก่อนเที่ยงคืนในวันสุดท้ายที่ตั๋วจะหมดอายุ แล้วยังอยู่บนรถไฟหลังจากผ่านเที่ยงคืนนั้นไปแล้ว คุณก็จะยังใช้บริการรถไฟนี้ได้จนถึงเวลาที่คุณลง แต่ถ้าหลังจากลงมาแล้วจะเปลี่ยนขบวนไปนั่งชินคันเซ็น (Shinkansen), Limited Express Trains หรือ Express Trains คุณจะต้องซื้อตั๋วรถไฟใหม่ เพราะว่าเลยเที่ยงคืนของวันสุดท้ายมาแล้ว ตั๋วเจอาร์พาสของคุณจึงหมดอายุไปแล้วและใช้อีกไม่ได้แล้วนั่นเอง
สำหรับชินคันเซ็นสายดังต่อไปนี้:
ผู้โดยสารสามารถนำสัมภาระขึ้นรถไฟโดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้สูงสุด 2 ชิ้น โดยสำหรับกระเป๋าแต่ละชิ้นนั้น ความกว้าง ความยาว และความสูง ต้องรวมกันแล้วไม่เกิน 250 เซนติเมตร ความยาวไม่เกิน 2 เมตร และน้ำหนักไม่เกิน 30 กิโลกรัม
สำหรับสัมภาระชิ้นที่ความกว้าง ความยาว และความสูง รวมกันแล้วน้อยกว่า 160 เซนติเมตร สามารถนำขึ้นรถไฟได้เลยโดยที่ไม่ต้องจองที่เก็บ ส่วนสัมภาระ 160 - 250 เซนติเมตร (oversized baggage) จำเป็นต้องจองที่เก็บล่วงหน้า หากไม่จองไว้จะมีค่าปรับอยู่ที่ 1000 เยน (ประมาณ 250 บาท) และกระเป๋าคุณอาจโดนเจ้าหน้าที่ย้ายไปย้ายมาบนรถไฟ ส่วนสัมภาระที่ขนาดใหญ่เกิน 250 เซนติเมตร ไม่อนุญาติให้นำขึ้นรถไฟ
การจองที่เก็บสัมภาระบนรถไฟญี่ปุ่นนั้นสามารถทำได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ สามารถทำการจองได้ผ่านแอพ Eki-Net ที่เครื่องออกตั๋ว หรือที่เคาน์เตอร์ออกตั๋ว สิ่งที่ต้องใช้ในการจองคือเจอาร์พาส (หรือตั๋วรถไฟธรรมดา) อย่างเดียวเท่านั้น แนะนำว่าให้จองที่นั่งพร้อมกระเป๋าไปพร้อมๆกันเลย
ถ้าทำเจอาร์พาสหาย ให้รีบแจ้งกับเจ้าหน้าที่บนรถไฟหรือที่สถานีที่ใกล้จุดที่คิดว่าทำหายหรือลืมไว้ที่สุด หลังจากแจ้งข้อมูลต่างๆแล้วก็รอหรือกลับมาสอบถามความคืบหน้าบ่อยๆ หากมีคนนำมาส่งคืนก็โชคดีไป หรือถ้าไม่มีคนเก็บได้เลย แต่คุณยังต้องเดินทางด้วยรถไฟอีกหลายเที่ยวระหว่างทริปนี้ คำนวนดูแล้วซื้อเจอาร์พาสใหม่ยังไงก็ยังใช้ได้คุ้ม แนะนำให้ซื้อใหม่ไปเลย
วิธีซื้อพาสใหม่คือให้ไปที่บริษัทท่องเที่ยว (travel agency) หรือพวกบริษัทขายทัวร์ ที่มักจะฝังตัวอยู่ตามสถานีใหญ่ๆของกลุ่มบริษัทรถไฟญี่ปุ่น โดยเราสามารถรับพาสตัวจริงได้เลย ไม่ต้องใช้วอเชอร์เพื่อเอาไปแลกเหมือนตอนซื้อพาสแรกมา เอกสารที่ใช้ก็มีอย่างเดียวคือพาสปอร์ต ตอนที่ซื้ออย่าลืมแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ด้วยว่าจะเริ่มใช้พาสใหม่นี้วันไหน จะได้ไม่เสียวันไปฟรีๆ เนื่องจากถ้าไม่ได้บอกไว้ พาสที่เขาออกให้จะเริ่มนับตั้งแต่วันที่ซื้อทันที