รถไฟจาก โตเกียว ไป อาซาฮิกาวะ

หากคุณจะ เดินทางจาก โตเกียว ไป อาซาฮิกาวะ รถไฟเป็นตัวเลือกที่ทั้งปลอดภัย รวดเร็ว และมีวิวสวยตลอดทางให้ชื่นชม ในบางเส้นทาง จะมีรถไฟให้เลือก หลายเที่ยวต่อวัน อาจจะทุกๆ 10 ถึง 15 นาที ส่วนใหญ่จะเป็นเส้นทางระยะสั้นที่จะเป็นแบบนี้ ส่วนเส้นทางระยะไกลจะมีระยะห่างของเวลาระหว่างขบวนนานกว่าดังนั้น ก่อนการเดินทาง ควรตรวจสอบตารางเวลาให้ดีทุกครั้ง

สำหรับเส้นทางระหว่างเมืองที่เป็นระยะทางไกล แนะนำว่า ให้จองตั๋วล่วงหน้าอย่างน้อยเป็นเวลาหลายวันก่อนวันเดินทาง โดยปัจจุบัน มีบริการ ระบบจองตั๋วออนไลน์ ที่คุณสามารถเลือกเปรียบเทียบราคาและจองตั๋วเดินทางราคาที่ดีที่สุดได้ รวมทั้งเส้นทางจาก โตเกียว ไป อาซาฮิกาวะ นี้อีกด้วย

การจองตั๋วออนไลน์ จะทำให้คุณสามารถวางแผนการเดินทางโดยระบุวันได้ล่วงหน้าและไม่ต้องต่อคิวที่สถานีหรือท่ารถ หากเดินทางในช่วงสุดสัปดาห์หรือในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ คนที่ต้องการซื้อตั๋วจะมีจำนวนมหาศาลล้านแปดและการมาซื้อที่สถานีมีโอกาสที่จะพลาดตั๋วแบบที่คุณต้องการได้สูง ในช่วงไฮซีซั่น ตั๋วรถไฟมักจะขายหมดอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนััน การจองตั๋วออนไลน์จึงมีประโยชน์ เพื่อให้คุณได้ตั๋วไว้ก่อนล่วงหน้า

หากเดินทางด้วยรถไฟ ระยะทางจาก โตเกียว ไป อาซาฮิกาวะ จะคิดเป็น 38 กิโลเมตร ควรศึกษาเส้นทางไว้ก่อนล่วงหน้า ว่าสถานีที่คุณต้องลงอยู่ที่ไหน หรือหากต้องการแวะ มีจุดไหนที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจให้คุณแวะลงระหว่างทางได้บ้าง บางทีคุณอาจอยากแวะถ่ายรูปป้ายสถานีรถไฟเก่าๆก็ยังได้ ได้อารมณ์คลาสสิค จริงไหม?

เวลาที่ต้องใช้สำหรับการเดินทางจาก โตเกียว ไป อาซาฮิกาวะ iโดยเฉลี่ย อยู่ที่ประมาณ 45นาที. นาที รถไฟจะช่วยให้คุณ ประหยัดเวลาได้มากที่สุด ในหมู่ตัวเลือกเดินทางทางบก. โดยปกติ ข้อดีของรถไฟคือไม่มีไฟแดง ไม่มีรถติด ความเร็วโดยเฉลี่ยจึงไม่สูญเสียไปจากสภาพการจราจรที่หน่าแน่นหากเป็นรถยนต์ส่วนตัวธรรมดา และใช้เวลาในการจอดแวะแต่ละสถานีไม่มากนัก รถไฟยังถือว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ไวและปลอดภัยที่สุดหากต้องการเดินทาง โดยสารจาก โตเกียว ไปยัง อาซาฮิกาวะ.

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่มีผลต่อเวลาที่ใช้ในการเดินทางด้วยรถไฟ คือ การเลือกประเภทของขบวนรถไฟ รถไฟธรรมดา จะมีความเร็วเฉลี่ยตั้งแต่ 40 ไมล์ต่อชม. หรือ 65 กม.ต่อชม. ไปจนถึง 65 ไมล์ต่อชม. หรือ 105 กม.ต่อชม. บางครั้ง รถไฟวิ่งระหว่างจังหวัดในช่วงสั้นๆ อาจใช้ความเร็วเฉลี่ยต่ำกว่า 40 ไมล์ต่อชม. ก็เป็นได้ แม้ว่าจะใช้ความเร็วระดับต่ำ แต่โดยรวมก็ยังเร็วกว่าโดยสารรถยนต์ส่วนบุคคล หรือรถบัส หรือแท็กซี่ เป็นต้น

ส่วนรถขบวนพิเศษ จะทำความเร็วได้ตั้งแต่ 100 ไมล์ต่อชม. หรือ 160 กม.ต่อชม. ในขณะที่รถด่วนพิเศษรุ่นใหม่ๆ ในต่างประเทศ อาจจะทำความเร็วได้เกิน 250 ไมล์ต่อชม. หรือ 400 กม.ต่อชม. เลยทีเดียว

ความเร็วของรถไฟเมื่อรวมกับระยะเวลาที่ใช้ในการจอดแต่ละสถานี อาจช่วยร่น ระยะเวลาในการเดินทาง ของคุณไปได้มากเลยทีเดียว.

สำหรับช้อยส์กาารเดินทางด้วยรถไฟ ราคาตั๋วจาก โตเกียว ไป อาซาฮิกาวะ มีราคาแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเภทของขบวนรถ และชั้นที่นั่งที่คุณเลือก

ขบวนรถบางขบวน ก็ประกอบไปด้วยชั้นที่นั่งที่แตกต่างกันไป รวมทั้งแพ็ตเกจและระดับความสะดวกสบาย การบริการก็แตกต่างกันออกไปตามราคาที่จ่าย

ที่นั่งรถไฟชั้นธรรมดา ราคาถูกที่สุด มักจะเป็นรถไม่ปรับอากาศและเป็นที่นั่งไม้ ซึ่งทั้งแข็งและเก่า แต่ราคาถูกมากๆ ถ้าเป็นรถขบวนพิเศษหรือขบวนชั้นหนึ่ง ราคาก็จะสูงมาก แต่มีทุกอย่างครบครัน มีเครื่องปรับอากาศ ห้องน้ำ และที่นั่งกว้าง นุ่มสบาย สามารถยืนขา เอนกาย ระหว่างการเดินทางได้โดยไม่ต้องกลัวเป็นตะคริว

หากเทียบกับระยะทางที่ต้องเดินทางแล้ว รถไฟเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด เพราะราคาเข้าถึงได้ทุกระดับงบประมาณ และมีที่เก็บสัมภาระเหลือเฟือสำหรับผู้โดยสาร คนหนึ่งมีที่เก็บกระเป๋าพอได้ถึง 2-3 ใบเลยทีเดียว

รถไฟเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางระยะไกล กรุณาตรวจสอบให้แน่นอนเรื่องจุดขึ้น-ลงรถ และเราแนะนำให้ใช้ตารางเดินรถไฟ จาก โตเกียว ไป อาซาฮิกาวะ ตารางเดินรถไฟ พร้อม เวลารถอออก และเวลารถเข้า เพื่อให้คุณหาตั๋วที่เหมาะที่สุดของคุณ.

รถไฟ ไม่เหมือนรถบัสหรือแท็กซี่ที่มีบริษัทผู้ให้บริการหลากหลาย รถไฟมักมีเพียงบริษัทเดียวซึ่งมักจะเป็นของรัฐให้บริการหรืออย่างน้แแยก็มีเครือข่ายส่วนหนึ่งที่มีรัฐเป็นผู้ถือหุ้นหรือเป็นเจ้าของ ในกรณีของประเทศไทย รฟท. คือบริษัทที่ให้บริการการเดินรถไฟระหว่างจังหวัดทั้งหมด .

ข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งของการเดินทางด้วยรถไฟ นั่นก็คือ มักจะมีสถานีรถไฟทั่วทุกจังหวัด และสถานีแต่ละแห่ง มักจะะเป็นแหล่งชุมชนหรือตั้งอยู่ใจกลางของเมือง ในทันทีที่เดินทางไปถึง นักท่องเที่ยวสามารถหารถเพื่อเดินทางต่อได้เลย หรือสามารถหาโรงแรม ซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือโรงพยาบาลต่อไปได้

ถ้าคุณเดินทางมาพร้อมกระเป๋าใบใหญ่หรือสัมภาระมากมาย รถไฟอาจเป็นตัวเลือกเดียวที่คุณจะเลือกได้ สัมภาระของรถไฟมักไม่จำกัด และคุณสามารถถือขึ้นรถไฟไปได้มากเท่าที่คุณจะถือได้

รถไฟขบวนพิเศษหรือขบวนที่มีราคาสูงๆ มักจะมีที่กว้างพอให้คุณสามารถเหยียดขาได้ตามใจชอบ ซึ่งบางทีกว้างพอๆกับที่นั่งในชั้นธุรกิจหรือชั้นเฟิร์สตคลาสบนเครื่องบินเลยทีเดียว

เช่นกันกับรถบัส รถไฟจะมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกบนรถไฟบางอย่าง ในปัจจุบัน บางขบวนมีติดตั้ง WIFI ให้ใช้ฟรีด้วย รวมทั้งมีมุมของว่าง และบาร์สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ห้องน้ำในตัวบนรถไฟถือเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด และยิ่งตั๋วราคาสูงเท่าไหร่ ห้องน้ำก็น่าเข้ามากเท่านั้น ลองคำนึงถึงเวลาที่คุณจำเป็นต้องเข้าห้องน้ำแต่ห้องน้ำไม่น่าเข้าดูสิ ว่ามันทรมานขนาดไหน.

ท้ายที่สุด รถไฟปลอดภัยที่สุดเมื่อเทียบกับรถบัสหรือแท็กซี่ เพราะว่าวิ่งในรางตัวเอง และแทบจะไม่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุใดๆได้เลย