คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับรถไฟไทย

รถไฟในประเทศไทยเป็นอย่างไร

การดูแลเกี่ยวกับระบบรางรถไฟทั้งหมดในประเทศไทยเป็นของภาครัฐ ซึ่งบริหารและดูแลโดย การไฟฟ้าแห่งประเทศไทย (SRT) รางโดยทั่วไปมีขนาดกว้างประมาณ 1 เมตร ในหลายพื้นที่มีเพียงรางเดียวซึ่งอาจส่งผลให้ขบวนรถไฟของคุณออกเดินทางล่าช้า ในขณะที่รถไฟหยุดผู้โดยสารจะต้องอยู่ประจำที่บนรถไฟ โดยปกติแล้วจะใช้เวลาในการแก้ไขปัญหาไม่ถึง 10 นาที ในปัจจุบันการรถไฟมีระยะทางที่เปิดการเดินรถแล้ว รวมทั้งหมด 4,180 กิโลเมตร ศูนย์กลางหลักของเครือข่ายทางรถไฟจะมีสถานีรถไฟกรุงเทพฯ เป็นสถานีปลายทางของทุกสาย คลิกที่นี่เพื่อดูแผนที่ของเส้นทางเดินรถไฟทั้งหมด: [รถไฟออกจากกรุงเทพฯ](# map)

อยากดูตารางเดินรถไฟ จะหาได้จากที่ไหน

สำหรับข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับตารางการเดินรถไฟล่าสุด สามารถดูได้ที่เว็บไซต์ของเรา (ซึ่งในบางเส้นทาง เว็บไซต์ของเรามีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันมากกว่าเว็บไซต์ทางการของการรถไฟฯ : ตารางการเดินรถไฟ บนเว็บไซต์ของเราคุณจะได้รับข้อมูลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตารางรถไฟ เวลาเดินรถ ประเภทของรถ และราคาตั๋วโดยสาร เพียงแค่คุณเลือกต้นทางและปลายทางที่คุณต้องการไป และวันที่ในการเดินทาง

สถานีรถไฟในประเทศไทยมีอะไรน่าสนใจบ้าง

ถ้าเปรียบเทียบกับสถานีรถไฟในยุโรป สถานีรถไฟในประเทศไทยจะเห็นข้อแตกต่างได้ชัดเจน ว่าในไทยมีขนาดเล็กกว่ามาก ซึ่งแต่ละที่มีขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความสำคัญของแต่ละสถานี หลายครั้งที่คุณอาจจะเห็นสถานีบางที่มุงด้วยหลังคา แต่ไม่มีผนังหรือกำแพงกั้น ยกเว้นแต่จุดจำหน่ายตั๋วเท่านั้น ซึ่งบางสถานีที่ใหญ่ๆ จะมีที่นั่งรองรับสามารถนั่งพักผ่อนได้ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและเครื่องดื่มจำหน่ายในบางสถานีเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารที่รอเดินทาง

สถานีรถไฟในกรุงเทพและเชียงใหม่จะมีขนาดใหญ่กว่าที่อื่น ซึ่งภายในประกอบไปด้วยร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านค้าต่างๆมากมาย สำหรับผู้โดยสารที่จองตั๋วรถไฟไว้กับ 12โก จะต้องเดินทางมารับตั๋วโดยสารที่โรงแรมบอสโซเทล ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟเชียงใหม่ โปรดทราบว่า เมื่อใดที่คุณได้รับตั๋วโดยสารไปแล้ว เราไม่สามารถยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงใดๆได้ หากคุณต้องการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงกรุณาไปรับตั๋วและดำเนินการต่างๆ ด้วยตนเองที่สถานี คุณไม่สามารถกดรับตั๋วที่กรุงเทพฯได้ หากต้นทางของคุณคือจังหวัดเชียงใหม่ เพราะตั๋วโดยสารของคุณจะถูกออกและเก็บไว้ที่จุดรับตั๋วตามที่เราระบุ

สถานีรถไฟหัวลำโพงในกรุงเทพฯ

รถไฟส่วนใหญ่ในประเทศไทยจะออกเดินทางจากต้นสถานีที่กรุงเทพฯ (หัวลำโพง) - ซึ่งเป็นศูนย์กลางหลักของการรถไฟในประเทศไทย มีความสำคัญเทียบเท่ากับสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ

ในสถานีรถไฟคุณจะพบเจอกับการบริการหลากหลายรูปแบบ อาทิเช่น

  1. การประชาสัมพันธ์ คุณสามารถขอกำหนดตารางเวลาการเดินรถของรถไฟได้ทั้งในเวอร์ชั่นภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้ที่นี่ หากคุณมีคำถามหรือข้อสงสัยใดๆสามารถติดต่อสอบถามได้กับเจ้าหน้าที่ที่จุดประชาสัมพันธ์นี้

  2. เคาร์เตอร์จำหน่ายตั๋วเดินทาง ถ้าคุณต้องการซื้อตั๋วในวันเดินทาง คุณสามารถเข้าไปซื้อตั๋วในสถานีได้ทุกสถานีที่คุณอยู่ใกล้ โดยคุณสามารถเลือกชำระเงินเป็นแบบเงินสดหรือผ่านบัตรเครดิตก็ได้ เพื่อความสะดวกและรวดเร็วกรุณาเตรียมบัตรประชาชน ใบขับขี่ หรือหนังสือเดินทางให้พร้อม เพราะเจ้าหน้าที่จะใช้ในการกรอกรายละเอียดสำหรับการซื้อตั๋วโดยสาร

  3. เคาร์เตอร์จำหน่ายตั๋วล่วงหน้า เงื่อนไขในการจำหน่ายตั๋วโดยสารแต่ละเส้นทางจะไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับระยะทางนั้นๆ สำหรับเส้นทางระยะที่สั้นมากๆ (เช่น กรุงเทพไปอยุธยา กรุงเทพไปหัวหิน หรือกรุงเทพไปพัทยา) สามารถซื้อตั๋วล่วงหน้าได้ 1 วันก่อนวันการเดินทาง สำหรับเส้นทางระยะสั้นหรือมีลักษณะครึ่งหนึ่งของเส้นทางการเดินรถสามารถซื้อตั๋วล่วงหน้าได้ 30 วันก่อนวันการเดินทาง (เช่น กรุงเทพไปชุมพร กรุงเทพไปพิษณุโลก หรือกรุงเทพไปโคราช) เส้นทางที่ออกจากกรุงเทพ และมีระยะเวลาในการเดินทางมากกว่า 6 ชั่วโมง สามารถซื้อตั๋วล่วงหน้าได้ 30 วันก่อนวันเดินทาง (ยกเว้นบางเส้นทางอาจมียกเว้น)

  4. ห้องฝากสัมภาระ ถ้าคุณมีกระเป๋าสัมภาระขนาดใหญ่หรือหลายชิ้น คุณสามารถฝากสัมภาระของคุณได้ที่ห้องฝากสัมภาระ อยู่ชั้น 1 ภายในอาคารสถานี (สถานีรถไฟหัวลําโพง) มีค่าบริการตั้งแต่ 20 - 100 บาทต่อชิ้น เปิดให้บริการตั้งแต่ ตี 4 ถึง 5 ทุ่มของทุกวัน นอกจากนี้ยังมีบริการตู้ล็อคเกอร์รับฝากสัมภาระ 24 ชั่วโมงตามจุดแนวรถไฟฟ้าและรถไฟฟ้าใต้ดิน โดยค่าบริการมีทั้งแบบรายวันและรายชั่วโมง ซึ่งคุณสามารถเลือกขนาดตู้ตามขนาดสัมภาระได้

  5. ร้านอาหาร ไม่มีร้านอาหารในสถานีรถไฟ หากคุณกำลังมองหาร้านอาหาร สามารถเดินไปที่สถานีรถไฟใต้ดินและใช้ทางออกหมายเลข 3 จะมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านสะดวกซื้อ 7-eleven อยู่แถวนั้น ซึ่งภายในสถานีรถไฟจะมีร้านกาแฟอเมซอนและแบล็คแคนยอนเปิดให้บริการ

ทั้งนี้ ขอแนะนำไม่ให้คุณเดินข้ามถนนมา เนื่องจากอันตราย โปรดใช้อุโมงค์ปรับอากาศผ่านสถานีรถไฟใต้ดินแทน

  1. แท็กซี่ รถโดยสารแท็กซี่มีบริการให้ตรงทางออก จะมีเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือในการเรียกรถ หากคุณต้องการเรียกรถตุ๊กๆ สามารถสอบถามและตกลงราคาให้แน่ใจก่อนออกเดินทาง (แนะนำให้สอบถามราคาค่ารถให้เรียบร้อยก่อนทุกครั้ง)

  2. ห้องอาบน้ำและห้องสุขา ภายในสถานีจะมีมุมห้องโถงข้างหลังห้องประชาสัมพันธ์ ด้วยจำนวนผู้โดยสารในแต่ละวันค่อนข้างเยอะอาจทำให้ห้องน้ำและห้องสุขาไม่เพียงพอต่อการให้บริการ

  3. สำนักงาน 12Go (จุดรับตั๋วรถไฟ) ตั้งอยู่ที่อาคาร ดีโอบี ตรงข้ามกับสถานีรถไฟหัวลําโพง ไม่ได้อยู่ในสถานีรถไฟหัวลําโพง หากคุณเดินทางมาจากสถานีรถไฟหัวลำโพง ให้ลงมาที่อุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดินและเดินออกมาตรงทางออกที่ 1 (ห้ามเดินข้ามถนนมาเด็ดขาด เนื่องจากเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ) แล้วเดินไปทางเยาวราชประมาณ 30 เมตร จะเห็นตึกสีเทาที่อยู่หัวมุมถนน ออฟฟิศของเราเปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่ 10:00 นถึง 20:00 น

หมายเหตุ : รถไฟบางขบวน จะออกเดินทางจากสถานีธนบุรี ซึ่งอาจต่างไปจากเดิมที่ออกจากหัวลำโพง

สถานีรถไฟบางซื่อ

การรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศว่า สถานีกลางบางซื่อ จะเป็นสถานีกลางแห่งใหม่ในปี 2565 แต่สถานีนี้ยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ และปัจจุบันให้บริการเฉพาะ รฟท.สายสีแดงเข้มเท่านั้น

การรถไฟแห่งประเทศไทย ยังไม่ประกาศวันเปิดสถานีอย่างเป็นทางการ โดยรางรถไฟอยู่ด้านหลังอาคารหลักขนาดใหญ่ที่เรียกว่าสถานีชุมทางบางซื่อ ซึ่งสถานีนี้เป็นศูนย์กลางของรถไฟทุกขบวนที่ไปทุกเส้นทาง (ภาคเหนือ ใต้ และตะวันออกเฉียงใต้) ทั้งนี้คุณสามารถหาซื้ออาหารและเครื่องดื่มได้ที่ร้านค้าในพื้นที่รอบๆ สถานี นอกจากนี้คุณยังสามารถไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน MRT หรือ SRT สายสีแดงเข้ม Skytain หรือแท็กซี่จากตรงนี้ได้ง่ายๆ

สถานีรถไฟเชียงใหม่

สถานีรถไฟเชียงใหม่ตั้งอยู่ที่ถนนเจริญเมือง อำเภอเมือง (อยู่ระหว่างแม่น้ำปิงและทางด่วน) ห่างจากประตูท่าแพไปทางตะวันออกประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งสถานีนี้เป็นสถานีหลักของรถไฟสายเหนือ นอกจากนี้ข้างๆ สถานีจะมีร้านอาหารพื้นเมืองให้คุณได้ลิ้มลองรสชาติอาหารเหนือ สำหรับใครที่ซื้อตั๋วโดยสารกับ 12โก สามารถเดินข้ามถนนมารับตั๋วรถไฟได้ที่โรงแรม บอสโซเทล เรามีเจ้าหน้าค่อยให้บริการคุณอยู่ที่นี่

สถานีรถไฟชุมพร

สถานีรถไฟชุมพรเป็นสถานีหลักที่จะหยุดเติมน้ำมันเบนซินจุดแรกของทางรถไฟสายใต้ สถานีนี้ (และห้องพัสดุ) เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และเป็นสถานีแวะพักเพื่อเดินทางต่อไปยังเกาะเต่าและเกาะพะงัน

สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี

สถานีนี้เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงแผนกพัสดุ โดยพื้นฐานแล้วสถานีรถไฟนี้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมหลักที่เชื่อมต่อทางสายใต้กลับกรุงเทพโดยตรง ซึ่งรถไฟส่วนใหญ่จะแล่นผ่านตลอด จึงไม่แปลกที่รถไฟในช่วงตอนเย็นจะล่าช้ากว่ากำหนด

ฝากสัมภาระไว้ที่สถานีได้ไหม

ทุกๆสถานีหลาบจะมีห้องสำหรับฝากสัมภาระเอาไว้ให้บริการ ซึ่งบางสถานีคุณอาจจะต้องแสดงหลักฐานโดยสารให้กับเจ้าหน้าที่ (โดยปกติจะไม่เสียค่าใช้จ่าย) โปรดทราบว่าห้องฝากสัมภาระจะปิดทำการเมื่อรถไฟขบวนสุดท้ายออกเดินทาง ทั้งนี้คุณสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่จุดประชาสัมพันธ์ในสถานีนั้นๆ

การขึ้นรถไฟ

การใช้บริการรถไฟจะได้รับการบริการในรูปแบบที่ต่างกัน เช่น ตั๋วรถไฟชั้น 1 และตั๋วรถไฟชั้น 2 สามารถขึ้นรถไฟได้ทันทีเมื่อรถไฟเข้าเทียบชานชาลา ในขณะที่ที่นั่งชั้น 3 จะมีเจ้าหน้าที่มาคอยตรวจตั๋วอยู่ตลอด ถ้าคุณไม่มีเวลาซื้อตั๋วล่วงหน้า สามารถซื้อตั๋วในราคาเดียวกันได้ที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วในสถานีนั้นๆ

สามารถซื้อตั๋วล่วงหน้าได้นานเท่าไหร่

หากคุณรู้กำหนดการวันเดินทางแล้ว คุณควรที่จะซื้อตั๋วล่วงหน้าไว้ทันที เพราะบางครั้งบางเส้นทางที่เป็นที่นิยม เช่น เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี หนองคาย อาจถูกสำรองที่นั่งเต็มไปหมดแล้ว

ยิ่งในช่วงเทศกาลสำคัญที่เป็นวันหยุดยาว มีโอกาสสูงที่ตั๋วจะถูกสำรองล่วงหน้าเต็มภายในชั่วโมงแรก อาทิเช่น วันหยุดปีใหม่ (วันที่ 30 ธันวาคม - 3 มกราคม) วันสงกรานต์ (วันที่ 11-16 เมษายน) และลอยกระทง (คืนพระจันทร์เต็มดวงแรกของเดือนพฤศจิกายน) ถ้าคุณต้องการเดินทางในช่วงนี้ แนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้ากับเราก่อนอย่างน้อย 60 วัน เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วตั๋วมักจะถูกขายหมดก่อนในระยะไม่กี่ชั่วโมง

หากคุณต้องการเดินทางในช่วงพีคซีซั่น คุณควรจองตั๋วล่วงหน้า มากกว่า 90 วันล่วงหน้า หากคุณเลือกเดินทางในเส้นทางยอดนิยม เพราะมีโอกาสสูงที่ที่นั่งดีๆ จะถูกขายหมดภายในสอง-สามวันก่อนการเดินทาง

หากคุณเดินทางเป็นหมู่คณะ หรือเป็นกลุ่มแล้ว ต้องการที่จะได้ที่นั่งติดตั้งอยู่ใกล้กัน ควรจะวางแผนการเดินทางและจองล่วงหน้าไว้ให้ดี

ที่ 12โก เอเชีย จะทำการซื้อตั๋วล่วงหน้าในวันแรกที่เปิดระบบให้ เพื่อให้คุณสามารถสำรองตั๋วที่นั่งล่วงหน้าได้ โดยเจ้าหน้าที่ของเราจะไปเข้าแถวรอซื้อที่สถานีรถไฟตั้งแต่เช้า โดยเราจะเก็บรักษาตั๋วไว้ให้จนกว่าลูกค้าจะเดินทางมารับตั๋วรถไฟที่เคาน์เตอร์ในออฟฟิศที่หัวลำโพงหรือเชียงใหม่ ทั้งนี้คนที่มารับตั๋วจะต้องเป็นผู้ที่ทำจองหรือเป็นเจ้าของบัตรเครดิตที่ชำระเงินเท่านั้น เมื่อมาถึงให้แสดงหลักฐานให้กับทางเจ้าหน้าที่ จากนั้นเซ็นชื่อและรับรองสำเนาให้เรียบร้อย

หากคุณต้องการให้เราส่งตั๋วรถไฟไปยังโรงแรมหรือที่บ้านของคุณนั้น ควรระบุข้อมูลที่อยู่ให้ถูกต้องสำหรับการจัดส่ง ทางบริษัทจะใช้บริการไปรษณีย์ไทยส่งแบบ EMS ซึ่งจากประสบการณ์ที่เราเคยเจอมา หลังจากที่เราส่งตํ่วไปแล้วในแต่ละครั้งจะได้รับการปฏิเสธจากโรงแรม เนื่องจากทางโรงแรมแจ้งว่าไม่มีชื่อลูกค้าคนนี้พักอยู่ หากคุณต้องการให้เราส่งไปยังโรงแรมกรุณาแจ้งวันที่เช็คอินเข้าพักให้เราด้วย เพื่อเป็นข้อมูลและประโยชน์ในการส่งเอกสารมากขึ้น ในกรณีที่ตั๋วโดยสารสูญหายระหว่างการนําส่ง ทางเราไม่สามารถรับผิดชอบได้ในทุกกรณี แต่ในกรณีนี้คุณสามารถขอรูปถ่ายตั๋วโดยสารรถไฟจากเราได้ จากนั้นให้ทำการแจ้งความเอกสารหายที่สถานีตำรวจ แนะนำให้คุณนำเอกสารมาติดต่อเพื่อขอรับใบรับรองที่สถานีรถไฟหัวลำโพงเคาน์เตอร์ 1 อย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง

อัพเดต 2560 เราไม่สามารถส่งตั๋วไปยังเกาะทางใต้อีก แต่เราสามารถส่งตั๋วโดยสารของคุณไปที่สำนักงานพัสดุในสถานีรถไฟที่คุณต้องการออกเดินทางได้ โปรดติดต่อเราเกี่ยวกับเวลาทำการของสำนักงานพัสดุ ทั้งนี้สำนักงานพัสดุบางแห่งเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง แต่บางแห่งทำงานเฉพาะในช่วงเวลาทำการเท่านั้น โปรดดูข้อมูลด้านล่าง

หัวลำโพง : 04:00 - 22:00
บางซื่อ : 08:30 - 20:30 น.


อยุธยา : 03:00 - 22:00 น.
เชียงใหม่ : 05:00 - 17:00 น.
ชุมพร : 24 ชม.


ดอนเมือง : 08:00 - 17:00
หาดใหญ่ : 08:00 - 17:00 น.
หัวหิน : 08:00 - 17:00 น.


ลพบุรี : 08:00 - 17:00
หนองคาย : 06:00 - 10:00/ 15:00 - 19:00
พิษณุโลก : 05:00 - 22:00 น.


สุราษฎร์ธานี : 24 ชม.
ตรัง : 08:00 - 17:00 น.

อัปเดตล่าสุดเมื่อ กันยายน 2565

การเดินทางจากสนามบินมายังสถานีรถไฟ

การเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิมายังสถานีรถไฟหัวลําโพง วิธีที่ง่ายที่สุดในการเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง คือ การเดินไปยังชั้นล่างและใช้บริการรถแท็กซี่สาธารณะที่ทางสนามบินจัดเตรียมไว้ให้ ที่เคาน์เตอร์แท็กซี ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการอยู่ที่นั่น โดยเจ้าหน้าที่จะให้แบบฟอร์มแผ่นหนึ่งมากับเราและอีกแผ่นกับทางคนขับรถ ซึ่งเอกสารที่ได้ส่วนหนึ่งจะอยู่กับแท็กซี่อีกส่วนนึงเอาไว้ อ้างอิงอยู่กับเรา ส่วนกรณีที่รถแท็กซี่ต้องขึ้นทางด่วนคุณจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง โดยจะมีค่าบริการทางด่วนในส่วนนี้เพิ่มขึ้นอีก 50 บาทที่ต้องจ่ายเพิ่มให้กับคนขับรถ นอกเหนือจากตัวเลขที่แสดงบนมิเตอร์

การเดินทางจากสนามบินดอนเมืองมายังสถานีรถไฟหัวลำโพง เป็นอะไรที่ง่ายเช่นเดียวกับสุวรรณภูมิมาหัวลำโพง เพียงคุณเดินไปที่ชั้นล่างสุดของอาคาร จะมีเคาน์เตอร์บริการรถแท็กซี่ แล้วจะมีค่าใช้จ่ายที่คิดเพิ่มอีก 50 บาทจากค่าบริการที่ขึ้นบนมิเตอร์ เนื่องจากมีผู้โดยสารเดินทางไปจำนวนมาก บางครั้งอาจส่งผลให้คุณต้องนั่งรอคิวนานกว่า 30 นาที อันเนื่องมาจากเครื่องบินที่สนามบินลงพร้อมกันหลายลำ

การเดินทางพร้อมกับเด็กเล็ก

  • เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 3 ปี และมีส่วนสูงน้อยกว่า 100 เซ็นติเมตร โดยปกติจะจะไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับตัวโดยสาร หากนั่งรวมกับที่นั่งของผู้ใหญ่
  • เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 11 ปี สูงไม่เกิน 150 เซ็นติเมตร จะได้รับการลดค่าโดยสารให้ (ไม่รวมค่าธรรมเนียม) ซึ่งมีราคาไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับขบวน ชั้นที่นั่ง และประเภทของรถ ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ (โดยประมาณ) ทั้งนี้ไม่มีส่วนลดสำหรับนักเรียน หรือผู้สูงอายุสำหรับชาวต่างชาติ

ที่เก็บกระเป๋าหรือสัมภาระบนรถไฟ

คุณสามารถเก็บสัมภาระและกระเป๋าเดินทางไว้ใต้ที่นั่งของคุณ หรือบนชั้นวางสัมภาระด้านบนเหนือศีรษะ (หากกระเป๋าไม่ได้มีขนาดใหญ่เกินไป) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของกระเป๋าที่คุณใช้เดินทาง

จำกัดจำนวนสัมภาระไหม

ผู้โดยสารสามารถถือสัมภาระขึ้นรถได้ 2 ใบ ใบนึงถือพกติดตัว ส่วนอีกใบ (ใบใหญ่) สามารถวางไว้ตามจุดที่วางกระเป๋า ซึ่งกฎนี้ไม่ได้บังคับใช้อย่างเคร่งครัด เพราะโดยปกติแล้วจะไม่มีใครชั่งน้ำหนักกระเป๋าหรือเช็คกระเป๋าสัมภาระของคุณ หากคุณเดินทางด้วยตั๋วรถไฟ

  • ชั้น 1 สามารถถือสัมภาระได้ไม่เกิน 60 กิโลกรัม / คน
  • ชั้น 2 สามารถถือสัมภาระได้ไม่เกิน 40 กิโลกรัม / คน
  • และชั้นที่ 3 สามารถถือสัมภาระได้ไม่เกิน 30 กิโลกรัม / คน

สามารถนำจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์ขึ้นรถไฟได้ไหม

ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขบวนรถไฟที่ลูกค้าต้องการเดินทางว่ามี ตู้พัสดุ พ่วงไปด้วยหรือไม่ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สถานีต้นทางของคุณอีกครั้ง หรือหากทราบรายละเอียดแล้วว่าขบวนที่จะเดินทางมีตู้พัสดุพ่วงไปด้วย ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ที่สถานีรถไฟต้นทางก่อนออกเดินทางอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง (รถจักรยานยนต์ อนุญาตให้นำไปกับขบวนรถโดยสารขนาดไม่เกิน 125 ซีซี) และตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป การรถไฟงดรับบรรทุกส่งสัมภาระประเภทรถจักรยานต์ เฉพาะที่มีขนาดของเครื่องยนต์เกิน 155 ซีซี ขึ้นไป ไว้เป็นการ ชั่วคราว

เราขอแนะนำให้คุณเดินทางมาถึงสถานีขนส่งสินค้าก่อนเวลาเดินทางมากกว่า 3 ชั่วโมง เพราะคุณจะต้องแสดงเอกสารหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ว่ารถมอเตอร์ไซค์หรือจักรยานดังกล่าวได้จดทะเบียนในชื่อของคุณ (พร้อมกับเตรียมบัตรประชาชนหรือหนังสือรถขึ้นมาด้วย) หลังจากเสร็จสิ้นเอกสารเสร็จเรียบร้อยแล้วโปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่ายานพาหนะของคุณถูกขนขึ้นมายังปลอดภัยหรือไม่ และพนักงานมีความระมัดระวังให้แค่ไหนในการขนส่ง

ค่าใช้จ่าย ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของจักรยาน หรือซีซีของรถมอเตอร์ไซค์ เพื่อหลีกเลี่ยงการเก็บค่าบริการที่มากเกินไป โปรดแน่ใจว่าคุณรู้จำนวนน้ำหนักของจักรยานหรือขนาดซีซีของมอเตอร์ไซค์ โดยปกติราคาของการขนย้ายจักรยานหรือสกู๊ตเตอร์ขนาดเล็กจะอยู่ระหว่าง 1,000 ถึง 1,500 บาท ราคานี้ร่วมระยะทาง

เมื่อไปถึงปลายทางแล้ว คุณสามารถไปรอรับจักรยาน / มอเตอร์ไซค์ได้ที่สถานีปลายทาง ในบางกรณีอาจมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการยกเพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการเคลื่อนย้ายของ

รถไฟจะถึงที่ไหนตามตารางเวลาหรือไม่

โดยส่วนใหญ่แล้ว รถไฟมักจะออกตัวหรือถึงปลายทางไม่ตรงตามเวลา ซึ่งในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมาการรถไฟได้พยายามปรับปรุงแก้ไขปัญหาในส่วนนี้ โดยส่วนมากขบวนรถไฟหลักๆ ที่เป็นที่นิยมจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการถึงปลายทางล่าช้ากว่ากำหนด ซึ่งจะเกิดความล่าช้าจากขบวนที่ใช้ระยะเวลาในการเดินทางหลายชั่วโมง เพราะฉะนั้นอย่าได้วางแผนที่จะเดินทางต่อด้วยเที่ยวบินเป็นอันขาด ถ้าคุณไม่ได้เผื่อเวลาเอาไว้อย่างน้อย 6 ชั่วโมง (หากคุณไม่อยากตกเครื่อง ควรคำนวนเวลาระยะห่างระหว่างรถไฟและเที่ยวบินให้ดีๆ)

ประเภทตู้รถไฟที่ให้บริการในประเทศไทย

ในปัจจุบันประเทศไทย มีประเภทของตู้รถที่ให้บริการหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันไป ในแต่ละประเภทจะถูกกำหนดเวลาเดินทาง จำนวนสถานีที่ต้องหยุด ความเร็วที่ใช้ และรูปแบบการให้บริการไว้ต่างกัน ซึ่งหมายเลขขบวนรถไฟจะเป็นตัวระบุประเภทของรถไฟ ดังนี้

  • รถด่วนพิเศษ ขบวนรถด่วนพิเศษจะมีหมายเลขขบวนตั้งแต่ 1 ถึง 48 เป็นขบวนที่วิ่งด้วยความเร็วสูงและจะหยุดเฉพาะสถานีหลักเท่านั้น ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง โดยปกติจะมีตู้ชั้น 1 ชั้น 2 อยู่ด้วยกัน
    ยกเว้น ขบวนที่ 37 ที่มีปลายทางที่ “สุไหงโกลก” จะมีตู้ชั้น 3 อยู่ในขบวนนั้นด้วย

  • รถด่วนดีเซล อักษร DRC ถัดจากหมายเลขรถไฟ เป็นรถไฟแบบดีเซลขับเคลื่อนตัวเอง โดยทั่วไปแล้วรถไฟขบวนนี้จะประกอบไปด้วย 3 ตู้ โดยตู้แรกจะเป็นเครื่องยนต์เกือบทั้งหมด และตู้ที่ 2 กับ 3 จะเป็นที่นั่งชั้น 2 ที่ให้บริการผู้โดยสาร ซึ่งเกือบครึ่งนึงของรถไฟไทยวิ่งบนดีเซลราง

  • รถด่วน มีหมายเลขตั้งแต่ 51 ถึง 98 รถไฟประเภทนี้ต่างจากรถไฟด่วนพิเศษ คือ จะมีการจอดรับ-ส่งผู้โดยสารหลายสถานี ส่งผลให้มีการใช้เวลาเดินทางที่มากกว่า รถไฟประเภทนี้มีให้บริการที่นั่งทั้งชั้น 1 ชั้น 2 และชั้น 3

  • รถเร็ว มีหมายเลขตั้งแต่ 101 ถึง 198 เป็นรถไฟที่ใช้กันมากที่สุดในประเทศไทย รวมถึงรถชั้น 2 (โดยปกติจะไม่มีเครื่องปรับอากาศ) และชั้นที่ 3 ซึ่งรถไฟขบวนนี้จะหยุดจอดเกือบทุกสถานี

  • รถไฟธรรมดา มีหมายเลขตั้งแต่ 298 ถึง 300 ซึ่งเป็นรถไฟความเร็วต่ำมาก รถไฟมีเพียงที่นั่งชั้น 3 เท่านั้น และวิ่งเฉพาะระหว่างวัน โดยใช้ระยะทางไม่เกิน 500 กิโลเมตร

  • รถไฟโดยสาร รถไฟขบวนนี้ คือ รถไฟชานเมืองที่มีหมายเลขตั้งแต่ 301 ถึง 398 มีคุณสมบัติเหมือนกันกับรถไฟธรรมดา

  • รถไฟท้องถิ่น หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า รถหวานเย็น มีหมายเลขตั้งแต่ 401 ถึง 498 นอกจากนี้ยังมีลักษณะ เช่น เดียวกับรถไฟธรรมดา และให้บริการเฉพาะในระยะทางที่สั้นกว่า

มีรถไฟประเภทใดบ้าง?

รถไฟที่ให้บริการอยู่ในประเทศไทยมีเพียง 3 ประเภทเท่านั้น ได้แก่ ชั้น 1 ชั้น 2 และชั้น 3 ซึ่งแต่ละชั้น มีประเภทย่อยที่ส่งผลต่อคุณภาพการเดินทางและราคาตั๋วโดยสาร

รถชั้น 1

เป็นรถที่มีความสะดวกสบายที่สุดในการเดินทาง คุณจะเพลิดเพลินไปกับห้องโดยสารที่แยกสัดส่วนได้อย่างชัดเจน พร้อมเครื่องปรับอากาศและอ่างล้างหน้าส่วนตัว โดยราคาตั๋วจะประกอบด้วยผ้าปูที่นอน ที่นอน ผ้าห่ม ผ้าขนหนู ผ้าเช็ดตัว และสบู่ ในส่วนท้ายของรถมักจะเป็นห้องน้ำและห้องอาบน้ำที่เป็นน้ำเย็น การเดินทางด้วยกันในห้องเดียวไม่มีปัญหาสำหรับคู่รัก

หากคุณเดินทางเพียงคนเดียว (โดยลำพัง) แต่ไม่ได้จ่ายเงินสำหรับการเหมาห้องโดยสาร คุณจะพบว่าในห้องโดยสารของคุณจะมีผู้โดยสารคนอื่นซึ่งเป็นเพศเดียวกันอยู่ร่วมห้องเดียวกับคุณ หากคุณต้องการความเป็นส่วนตัวและไม่อยากนอนพักกับใคร โปรดแจ้งให้เราทราบ แต่คุณจะต้องจ่ายราคาเต็มสำหรับทั้งห้องโดยสารนั้น

โปรดทราบว่า ในรถตู้ปรับอากาศชั้น 1 คุณไม่สามารถนำสัตว์เลี้ยงของคุณติดตัวไปได้ เนื่องจากเป็นไปตามนโยบายของการรถไฟแห่งประเทศไทย สัตว์เลี้ยงจะได้รับอนุญาตในการขนส่งในชั้นโดยสารที่นั่งแบบพัดลมเท่านั้น

ส่วนใหญ่แล้ว ตั๋วรถไฟมักจะขายหมดอย่างรวดเร็ว ขอแนะนำให้จองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือนก่อนการเดินทางที่ตั้งใจไว้ และถ้าหากคุณมีโอกาส คุณสามารถจองรถไฟล่วงหน้าได้ 90 วันก่อนการเดินทาง เพราะจะทำให้คุณได้รับห้องพักโดยสารแบบส่วนตัว ในแบบที่คุณไม่เคยสัมผัสมาก่อน ซึ่งรถไฟชั้น 1 มักพบได้ในรถไฟด่วนพิเศษเท่านั้น

วีไอพี ประกอบด้วย 12 ห้อง 24 เตียง (ด้านบนและล่าง) ในตอนเย็นพนักงานรถไฟจะเปลี่ยนที่นั่งให้เป็นเตียงที่นุ่มสบาย เตรียมพร้อมสำหรับการหลับพักผ่อน

รถชั้น 2

รถไฟชั้น 2 เป็นชั้นที่ได้รับความนิยมและแพร่หลายมากที่สุดในประเทศไทย ชั้นนี้จะมีที่นั่ง และ ที่นอน ซึ่งในตอนกลางวันจะถูกจัดให้เป็นที่นั่งและในตอนกลางคืนพนักงานจะทำการถอดที่นั่งและปรับให้เป็นที่นอน (พร้อมกับปูเตียงให้เรียบร้อย) แต่ละที่นอนจะมีผ้าม่านกั้นเพื่อกั้นเขตความเป็นส่วนตัว ซึ่งโดยปกติแล้วห้องนอนชั้น 2 จะมีให้เลือกอยู่ 2 แบบ คือเครื่องปรับอากาศและพัดลม สำหรับตู้รถไฟที่ติดเครื่องปรับอากาศมาจากใหม่กว่าและสะอาดกว่า แต่ถ้าเป็นตู้รถไฟทีวีหน้าต่างแบบเปิดด้านข้างจะเหมาะสำหรับกลุ่มคนที่ชอบถ่ายภาพและถ่ายวีดีโอ ซึ่งที่นอนด้านบนราคาจะถูกกว่าเล็กน้อย เราพมีขนาดเตียงเล็กกว่าสั้นกว่า จะไม่เหมาะสำหรับคนที่มีความสูงเกินกว่า 185 ซม. หากคุณมีความสูงมากกว่า 190 ซม. ควรจะจองเตียงล่าง เพราะคุณจะรู้สึกสบายและรู้สึกดีกว่านอนเตียงข้างบน

กระเป๋าเดินทาง คุณสามารถเก็บไว้ในชั้นวางพิเศษได้ และเพื่อความปลอดภัยกรุณาใส่ซิปล็อคกุญแจให้เรียบร้อย และวางไว้ที่ท้ายรถติดกับห้องน้ำ

โปรดทราบว่า ในรถตู้ปรับอากาศชั้น 2 คุณไม่สามารถนำสัตว์เลี้ยงของคุณติดตัวไปได้ เนื่องจากเป็นไปตามนโยบายของการรถไฟแห่งประเทศไทย สัตว์เลี้ยงจะได้รับอนุญาตในการขนส่งในชั้นโดยสารที่นั่งแบบพัดลมเท่านั้น

ที่นั่งของรถไฟชั้น 2 จะมีลักษณะคล้ายที่นั่งบนเครื่องบิน มีความนุ่มสบายและสามารถปรับเอนได้

โปรดทราบว่าเครื่องปรับอากาศในประเทศไทย มักจะทำงานที่ความจุเต็มพิกัด และตั้งค่าไว้ที่อุณหภูมิที่ต่ำมากๆ ดังนั้นควรเตรียมเสื้อแขนยาวหรือเสื้อผ้าอุ่นๆ ไปด้วย โดยคุณสามารถขอผ้าห่มเพิ่มหรือใช้ผ้าขนหนูขนาดใหญ่ของคุณเองได้เช่นกัน

รถประเภทต่อไปนี้สามารถพบได้ในชั้นสอง:

  • ห้องนอนชั้น 2 แบบเครื่องปรับอากาศ มีทั้งหมด 36 หรือ 40 เตียง
  • ห้องนอนชั้น 2 แบบพัดลม มีทั้งหมด 32 เตียง
  • ห้องนอนชั้น 2 สำหรับผู้หญิงเท่านั้น ในชั้นนี้มีไว้บริการสำหรับผู้หญิงและเด็กหญิงเท่านั้น ซึ่งเด็กที่อายุต่ำกว่า 8 ปีสามารถเดินทางไปกับแม่ได้ กฎระเบียบมีผลบังคับใช้อย่างเคร่งครัดและผู้โดยสารชายที่สำรองที่นั่งสำหรับรถคันนี้จะไม่ได้รับอนุญาตให้โดยสารได้ เพราะฉะนั้นโปรดตรวจสอบรายละเอียดให้แน่ใจการทำการจองทุกครั้ง
  • ที่นั่งชั้น 2 พร้อมพัดลม มีทั้งหมด 48 หรือ 64 ที่นั่ง
  • ที่นั่งชั้น 2 พร้อมเครื่องปรับอากาศ มาพร้อมกับ 58 หรือ 64 ที่นั่ง ซึ่งประเภทรถนี้ จะแตกต่างจากรถไฟพัดลม โดยเฉพาะบนรถไฟด่วนพิเศษ ซึ่งที่นั่งจะมีความนุ่มและสะดวกสบายมากกว่า ในตู้มีพนักงานที่ให้บริการอาหารและเครื่องดื่มที่รวมอยู่ในค่าโดยสาร หรือต้องจ่ายแยกต่างหาก ทั้งนี้ควรตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่สถานีให้แน่ใจว่ามีบริการเสริมหรือไม่?



รถชั้น 3

การเดินทางโดยรถประเภทนี้ จะเหมาะสำหรับการเดินทางระยะสั้น ๆ เช่น จากกรุงเทพฯ ไป กาญจนบุรี / กรุงเทพฯ ไป อยุธยา เป็นรถไฟโดยสารขนาดเล็ก มีที่นั่งขนาดไม่ใหญ่มากนัก รถเหล่านี้มักจะติดตั้งพัดลม (ซึ่งบางตัวอาจไม่ทำงาน และอากาศจะร้อนมากๆ ในช่วงกลางวัน) แต่คุณสามารถเปิดหน้าต่างได้ มีห้องน้ำให้บริการอยู่ท้ายตู้ (มีอ่างล้างน้ำเล็กๆ ไว้ให้บริการ) ซึ่งรถไฟ ชั้น 3 เป็นที่นิยมของชาวบ้านที่ใช้เดินทางไปมาในระยะใกล้และมักจะแออัด แน่นไปด้วยผู้คน

ในเส้นทางสั้นๆ อาจเป็นประสบการณ์ใหม่ในการเดินทางไปกับคนในท้องถิ่น และชมวิวทิวทัศน์ผ่านทางหน้าต่างที่เปิดโล่ง ทำให้คุณได้ถ่ายภาพธรรมชาติและเจอกับวิวที่น่าประทับใจ คุณสามารถนำสุนัขของคุณไปกับคุณได้ (เมื่อคุณเดินทางในชั้นที่ 3) โดยค่าธรรมเนียมจะอยู่ระหว่าง 90 - 150 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของสัตว์ตัวนั้นๆ และจะต้องอยู่ในกรงตลอดเดินทางบนรถไฟ (ทางการรถไฟจะไม่มีกรงให้ คุณต้องนำกรงของคุณมาเอง) วิธีที่ดีกว่าสำหรับการเดินทางไปกับสัตว์เลี้ยงคู่ใจของคุณ คือ การจองรถตู้ส่วนตัว รับ-ส่ง กับเรา โปรดเข้าใจว่าผู้ให้บริการของเราจะไม่อนุญาตให้คุณนำสัตว์เลี้ยงในฟาร์ม สัตว์ที่อันตราย หรือใกล้สูญพันธุ์ขึ้นมาบนรถเด็ดขาด หากคุณสนใจสามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายบริการลูกค้าของเรา เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม

สุภาพสตรี!

รถไฟขบวนต่อไปนี้ มีตู้พิเศษที่สงวนไว้สำหรับผู้โดยสารผู้หญิงและเด็กเท่านั้น (เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปีและมีความสูงไม่เกิน 100 ซม. สามารถเดินทางไปกับแม่ได้) ได้แก่ ขบวนต่อไปนี้

  • ขบวนที่ 9/10 (เชียงใหม่)
  • ขบวนที่ 31/31 (หาดใหญ่)
  • ขบวนที่ 37/38 (สุราษฎร์ธานี)
  • ขบวนที่ 67/68 (อุบลราชธานี)
  • ขบวนที่ 25/26 (หนองคาย)

เด็กชายอายุไม่เกิน 8 ปีและส่วนสูงน้อยกว่า 100 ซม. สามารถเดินทางกับแม่ได้

ทั้งนี้ กฎระเบียบนี้ มีผลบังคับใช้อย่างเคร่งครัด และผู้โดยสารชายไม่มีสิทธิ์ที่จะซื้อตั๋วตู้ผู้หญิง

ผู้โดยสารที่พิการ

โดยทั่วไปบุคลากรของการรถไฟจะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ หากผู้โดยสารมีความพิการใด ๆ จะมีคนช่วย เช่น คนตาบอดจะถูกนำทางไปยังที่นั่งตามเลขที่นั่งบนบัตร และผู้โดยสารที่ต้องการรถเข็นอาจใช้ลิฟต์เข้า / ออกได้พิเศษ เพื่อขึ้นรถไฟ ซึ่งในส่วนของลิฟต์นี้ไม่ได้ใช้กับรถไฟทุกขบวนทั้งหมด แต่ก่อนที่จะจองโปรดตรวจสอบว่ามีอุปกรณ์พิเศษประเภทใดในรถไฟที่จะช่วยคุณได้บาง เพื่อที่คุณจะได้วางแผนจะเดินทางได้ง่ายขึ้น

เส้นทางรถไฟที่เดินทางออกจากกรุงเทพฯ (หัวลำโพง)

  • เส้นทางสายภาคเหนือ กรุงเทพ-เชียงใหม่

เส้นทางนี้เป็นทางรถไฟที่เก่าแก่ที่สุด ถูกเปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อ 2437 ด้วยระยะทาง 751 กิโลเมตร โดยใช้เวลาเดินทางเฉลี่ยประมาณ 11-14 ชั่วโมง

จะมีรถไฟด่วนพิเศษ 2 ขบวน และรถไฟด่วนพิเศษ 3 ขบวน เชื่อมต่อระหว่าง Rose of the North (จังหวัดเชียงใหม่) กับ Big Mango (กรุงเทพฯ) รถไฟกลางคืนจะใช้เวลาเดินทางไม่มาก แต่ที่นั่งบนรถจะถูกปรับเป็นเตียงนอน เพื่อให้ผู้โดยสารได้นอนหลับสบายในตอนกลางคืน ทัศนียภาพเมื่อออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ช่วงเวลาเย็นๆ อาจไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมากนัก แต่เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า ขบวนรถไฟจะเดินทางมาถึงภูเขาที่ล้อมรอบในจังหวัดเชียงใหม่ และผู้โดยสารจะได้เห็นวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม ที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติและภูเขานานา

  • เส้นทางสายภาคตะวันออก กรุงเทพ-อรัญประเทศ (รวมถึงพัทยา)

เส้นนี้เดินทางสิ้นสุดที่ชายแดนประเทศกัมพูชา ในอดีตเส้นทางรถไฟจะเดินผ่านพรมแดนและเข้าที่กัมพูชา อย่างไรก็ตาม ในระหว่างสงครามกลางเมืองในประเทศกัมพูชา การเชื่อมต่อได้ถูกขัดขวางและยังไม่ได้รับการบูรณะเส้นทางใหม่ ในขณะนี้การก่อสร้างมีเฉพาะสำหรับการทำอาคารและคาสิโนในพื้นที่ชายแดนในเขตปอยเปตเท่านั้น และมีแผนจะฟื้นฟูทางรถไฟระหว่างสองประเทศ แต่อยู่ในขั้นตอนการวางแผน

การเดินทางระหว่างกรุงเทพมหานครและอรัญประเทศ จะใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ตั๋วสามารถซื้อล่วงหน้าได้เพียงวันเดียว (เพราะฉะนั้นการจองแบบออนไลน์จึงไม่เป็นไปได้) และหลายคนคิดว่าสะดวกที่จะขึ้นรถบัสไปยังตลาดโรงเกลือ ซึ่งตั้งอยู่ตรงบริเวณชายแดน คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับคาสิโน ที่ให้บริการขนส่งฟรีสำหรับผู้ที่เพิ่งข้ามพรมแดนไปเยี่ยมชมคาสิโน บริการนี้ไม่สามารถใช้ได้กับนักท่องเที่ยว

  • เส้นทางสายภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรุงเทพ-หนองคาย (เขตแดนก่อนเข้าประเทศลาว)

ขึ้นไปทางสถานี ชุมทางบ้านภาชี ที่ให้บริการในสายเหนือ แต่หลังจากนั้นสายจะถูกแยกออกเป็นสายตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีระยะทางทั้งหมด 624 กม. การเดินทางระหว่างกรุงเทพและหนองคาย ใช้เวลาเฉลี่ยอยู่ที่ 10-12 ชั่วโมง หากเดินทางจากกรุงเทพและอุบลราชธานี ใช้เวลาเฉลี่ยอยู่ที่ 8-10 ชั่วโมง

  • เส้นทางสายภาคใต้

การรถไฟแห่งประเทศไทย ไม่อนุญาตให้เดินทางข้ามพรมแดนหรือผ่านชายแดนมาเลเซียตลอดทาง จนถึงสถานีรถไฟบัตเตอร์เวิร์ธ สถานีขึ้นฝั่งใหม่คือปาดังเบซาร์ (ฝั่งไทย) ผู้โดยสารยังสามารถเดินทางต่อไปยังบัตเตอร์เวิร์ธ ผ่านสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ (ฝั่งมาเลเซีย) ได้ โดยการจองตั๋วรถไฟ KTM ล่วงหน้าเอาไว้หรือซื้อตั๋วโดยตรงที่สถานีรถไฟ

กรุงเทพสู่ภาคเหนือ (เชียงใหม่)

ในเส้นทางนี้ มีรถไฟไว้ให้บริการจำนวน 5 ขบวน คือ รถด่วนพิเศษหมายเลข # 7 / 8, # 9 / 10 และ # 13 / 14, รถด่วนหมายเลข # 51 / 52 และ รถไฟธรรมดาหมายเลข # 109 / 102

หากคุณต้องการเดินทางไปยังเชียงใหม่ โดยต้องการไปถึงที่เชียงใหม่ในช่วงเช้าและต้องการความสะดวกสบาย คุณควรเลือกใช้บริการรถไฟขบวนที่ # 9 / 10 โดยรถไฟขบวนเหล่านี้จะออกจากสถานีหัวลำโพงในช่วงค่ำ และไปถึงสถานีเชียงใหม่ในช่วงเช้า เป็นรถนอนแบบเตียงนอนเพื่อให้คุณได้พักผ่อนตลอดทาง ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 13 ชั่วโมง

หากเป็นไปได้ ควรทำการจองตั๋วรถไฟล่วงหน้าอย่างน้อย 90 วันก่อนวันเดินทาง แต่ทางเราไม่สามารถรับประกันได้ว่าคุณจะได้ที่ชั้น 1 หรือไม่ เพราะอาจมีเหตุสุดวิสัยได้ในบางครั้ง (แต่ไม่บ่อย) เช่น การรถไฟไม่สามารถออกตั๋วให้กับประชาชนได้่ เพราะมีกรุ๊ปของเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องเดินทางไปอบรม หรือดูงานที่ต่างจังหวัด เป็นต้น

รถไฟด่วนขบวนที่ # 51 / 52 และขบวนที่ # 109 / 102 จะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 14 ชั่วโมง เป็นระยะทางประมาณ 700 กม. ส่วนรถไฟขบวน 51 ผู้โดยสารจะได้เอิ่มอิ่มกับทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามของเทือกเขาที่ล้อมรอบที่ราบสูงได้ระหว่างทาง

ในช่วงฤดูร้อน ปี 2558 การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ปรับปรุงเครื่องยนต์หัวจักรทั้งหมด 3 ขบวน ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพในการเดินรถเร็วมากขึ้น โดยออกเดินทางในเวลาเดิม แต่มาถึงปลายทางล่วงหน้าเกือบ 1 ชั่วโมง ขบวนรถที่ได้รับการเปลี่ยนเครื่องยนต์ได้แก่ ขบวนรถหมายเลข 52 ซึ่งออกเดินทางเมื่อสองชั่วโมงก่อนหน้าและถึงปลายทางก่อนกำหนดเวลาสามชั่วโมง 05:25 น.

รถไฟขบวน 9 / 10 เส้นทางกรุงเทพ - เชียงใหม่

เป็นรถไฟ "รถด่วนพิเศษ" ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 13 ชั่วโมง ออกจากสถานีหัวลำโพง เวลา 18.10 น. และถึงสถานีเชียงใหม่ เวลา 07.15 น. โดยแยกประเภทรถได้ดังนี้

รถนอนวีไอพี ประกอบไปด้วยห้องพักส่วนบุคคล จำนวน 12 ห้อง มี 24 เตียง (เตียงบนและเตียงล่างอย่างละหนึ่งใน 1 ห้อง) ในตอนเย็นพนักงานจะเปลี่ยนที่นั่งเป็นที่นอนให้กับผู้โดยสาร ราคาตั๋วจะรวมถึงผ้าปูที่นอนและอุปกรณ์ซักล้างให้เรียบร้อย เช่น ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ผ้าขนหนู และผ้าเช็ดตัว ในช่วงท้ายของรถแต่ละคันจะมีห้องน้ำไว้ให้บริการ หากคุณเดินทางเพียงคน (โดยลำพัง) แต่ไม่ได้จ่ายเงินสำหรับการเหมาห้องโดยสาร คุณจะพบว่าในห้องโดยสารของคุณจะมีผู้โดยสารคนอื่นซึ่งเป็นเพศเดียวกันอยู่ร่วมห้องเดียวกับคุณ หากคุณต้องการความเป็นส่วนตัวและไม่อยากนอนพักกับใคร โปรดแจ้งให้เราทราบ แต่คุณจะต้องจ่ายราคาเต็มสำหรับทั้งห้องโดยสารนั้น และถ้าคุณเดินทางเป็นกลุ่ม คุณสามารถขอช่องที่อยู่ติดกันโดยมีประตูเชื่อมต่อด้านใน (ระหว่างห้องแรกและห้องที่ 2 ห้องที่ 3 และ 4 ได้ เป็นต้น)

ห้องนอนชั้น 2 พร้อมเครื่องปรับอากาศ มีทั้งแบบที่นั่ง และ ที่นอนติดริมหน้าต่าง ในตอนกลางวันจะมีการเปลี่ยนที่นอนเป็นที่นั่ง โดยจะหันหน้าเข้าหากัน ในตอนค่ำพนักงานจะทำการเปลี่ยนจากที่นั่งให้เป็นที่นอนให้เพื่อรอรับผู้โดยสาร (ในราคานี้ รวมผ้าปูเตียงและผ้าห่ม) ที่นอนแต่ละที่จะมีผ้าม่านกั้นฉากให้ เพื่อให้ลูกค้าได้มีพื้นที่ส่วนตัว และพักผ่อนระหว่างการเดินทาง โปรดเตรียมพร้อมว่าในตอนกลางคืนอากาศค่อนข้างเย็นบนรถไฟ โดยเฉพาะที่นอนด้านบน

รถไฟขบวน # 7 / 8 เส้นทางกรุงเทพ - เชียงใหม่

เป็นรถไฟ "รถด่วนพิเศษ" ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 11 ชั่วโมง รถออกจากสถานีหัวลำโพง เวลา 08.30 น. ในช่วงเช้า และถึงสถานีเชียงใหม่เวลา 19.30 น. ในช่วงค่ำ รถไฟขบวนนี้เป็นรถไฟชั้น 2 แบบนั่งแอร์เท่านั้น ไม่มีเตียงนอน แต่ที่นั่งนุ่มและสามารถเอนกายได้ ไม่มีรถเข็นอาหารขายบนรถ รวมไปถึงห้องอาหารบนรถไฟ

รถไฟขบวน 13 / 14 เส้นทางกรุงเทพ - เชียงใหม่

เป็นรถไฟ "รถด่วนพิเศษ" ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 13 ชั่วโมง รถออกจากสถานีหัวลำโพง เวลา 19.35 น. ถึงสถานีเชียงใหม่ เวลา 08.40 น. โดยแยกประเภทรถได้ดังนี้

รถนอนวีไอพี ประกอบไปด้วยห้องพักส่วนบุคคล จำนวน 12 ห้อง 24 เตียง (เตียงบนและเตียงล่างอย่างละหนึ่งใน 1 ห้อง) ในตอนเย็นพนักงานจะเปลี่ยนที่นั่งเป็นที่นอนให้กับผู้โดยสาร ราคาตั๋วจะรวมถึงผ้าปูที่นอนและอุปกรณ์ซักล้างให้เรียบร้อย เช่น ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ผ้าขนหนู และผ้าเช็ดตัว ในช่วงท้ายของรถแต่ละคันจะมีห้องน้ำไว้ให้บริการ หากคุณเดินทางเพียงคน (โดยลำพัง) แต่ไม่ได้จ่ายเงินสำหรับการเหมาห้องโดยสาร คุณจะพบว่าในห้องโดยสารของคุณจะมีผู้โดยสารคนอื่นซึ่งเป็นเพศเดียวกันอยู่ร่วมห้องเดียวกับคุณ หากคุณต้องการความเป็นส่วนตัวและไม่อยากนอนพักกับใคร โปรดแจ้งให้เราทราบ แต่คุณจะต้องจ่ายราคาเต็มสำหรับทั้งห้องโดยสารนั้น และถ้าคุณเดินทางเป็นกลุ่ม คุณสามารถขอช่องที่อยู่ติดกันโดยมีประตูเชื่อมต่อด้านใน (ระหว่างห้องแรกและห้องที่ 2 ห้องที่ 3 และ 4 ได้ เป็นต้น)

ห้องนอนชั้น 2 พร้อมเครื่องปรับอากาศ มีทั้งแบบที่นั่ง และ ที่นอนติดริมหน้าต่าง ในตอนกลางวันจะมีการเปลี่ยนที่นอนเป็นที่นั่ง โดยจะหันหน้าเข้าหากัน ในตอนค่ำพนักงานจะทำการเปลี่ยนจากที่นั่งให้เป็นที่นอนให้เพื่อรอรับผู้โดยสาร (ในราคานี้ รวมผ้าปูเตียงและผ้าห่ม) ที่นอนแต่ละที่จะมีผ้าม่านกั้นฉากให้ เพื่อให้ลูกค้าได้มีพื้นที่ส่วนตัว และพักผ่อนระหว่างการเดินทาง

รถไฟขบวน 51 / 52 เส้นทางกรุงเทพ - เชียงใหม่

เป็นรถไฟ "รถด่วน" ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 14 ชั่วโมง รถไฟขบวนนี้มีรถนอน ชั้น 2 ที่มีเครื่องปรับอากาศและพัดลม ที่นั่งพร้อมเครื่องปรับอากาศและพัดลม และที่นั่งแบบชั้น 3 โดยแยกประเภทรถได้ดังนี้

รถนอนชั้น 2 ปรับอากาศ มีทั้งที่นั่ง และ ที่นอนจัดตามผนังทั้งสองด้านติดริมหน้าต่าง ในตอนกลางวันจะมีการเปลี่ยนที่นอนเป็นที่นั่ง โดยจะหันหน้าเข้าหากัน ในตอนค่ำพนักงานจะทำการเปลี่ยนจากที่นั่งให้เป็นที่นอนให้เพื่อรอรับผู้โดยสาร (ในราคานี้ รวมผ้าปูเตียงและผ้าห่ม) ที่นอนแต่ละที่จะมีผ้าม่านกั้นฉากให้ เพื่อให้ลูกค้าได้มีพื้นที่ส่วนตัว และพักผ่อนระหว่างการเดินทาง

รถนั่งชั้น2 พัดลม ที่นั่งสามารถปรับเอนได้ตามความต้องการของคุณ เบาะมีความนุ่มและสบาย ทำให้คุณได้นานและไม่รู้สึกเมื่อย ตั๋วสำหรับรถประเภทนี้จะขายพร้อมกับจำนวนที่นั่งตามหน้าระบบเท่านั้น

รถนั่งชั้นที่ 3 ที่นั่งบนรถไฟขบวนนี้จะค่อนข้างปวดหลังไปสักนิดและไม่ได้แบ่งออกเป็นที่นั่งเฉพาะ ซึ่งคุณสามารถเปิดหน้าต่างได้ มีขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มจำหน่ายในระหว่างการเดินทาง แน่อนว่าพัดลมบางตัวอาจเสียไม่ทำงาน

รถไฟขบวน 109 / 102 เส้นทางกรุงเทพ - เชียงใหม่

เป็นรถไฟประเภท "รถเร็ว" ใช้เวลาในเดินทางจากกรุงเทพ - เชียงใหม่ประมาณ 14 ชั่วโมง 20 นาที โดยเริ่มเดินทางจากสถานีหัวลำโพงเวลา 13.45 น. และถึงสถานีเชียงใหม่เวลา 04.05 น. ในช่วงเช้าของวันถัดไป รถไฟจะจอดเกือบทุกสถานี และในขบวนดังกล่าวมีประเภทรถดังต่อไปนี้:

  • รถนอนชั้น 2 พัดลม มีทั้งที่นั่ง และ ที่นอนจัดตามผนังทั้งสองด้านติดริมหน้าต่าง ในตอนกลางวันจะมีการเปลี่ยนที่นอนเป็นที่นั่ง โดยจะหันหน้าเข้าหากัน ในตอนค่ำพนักงานจะทำการเปลี่ยนจากที่นั่งให้เป็นที่นอนให้เพื่อรอรับผู้โดยสาร (ในราคานี้ รวมผ้าปูเตียงและผ้าห่ม) ที่นอนแต่ละที่จะมีผ้าม่านกั้นฉากให้เพื่อความเป็นส่วนตัว

  • รถนั่งชั้น 2 พัดลม ที่นั่งสามารถปรับเอนได้ตามความต้องการของคุณ เบาะมีความนุ่มและสบาย ทำให้คุณได้นานและไม่รู้สึกเมื่อย ตั๋วสำหรับรถประเภทนี้จะขายพร้อมกับจำนวนที่นั่งตามหน้าระบบเท่านั้น

  • รถนั่งชั้นที่ 3 ที่นั่งบนรถไฟขบวนนี้จะค่อนข้างปวดหลังไปสักนิดและไม่ได้แบ่งออกเป็นที่นั่งเฉพาะ ซึ่งคุณสามารถเปิดหน้าต่างข้างๆได้ มีขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มจำหน่ายในระหว่างการเดินทาง

จากกรุงเทพ สู่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (หนองคาย)

สถานีปลายทางของเส้นทางนี้อยู่ใกล้กับชายแดนลาว มีระยะทางทั้งหมด 621 กิโลเมตร ถ้าคุณต้องการไปเที่ยวลาว สามารถเดินเท้าไปต่อได้ อีกประมาณ 2 กม. หรือจะขึ้นรถบัสไปยังกรุงเวียงจันทน์ก็ได้ โดยจุดขึ้นรถต่อที่สะดวกที่สุดในหนองคายคือ รถไฟ ขบวน # 25 / 26 เนื่องจากเป็นด่วนพิเศษและรถนอน

มีรถไฟจากหนองคายไปลาวโดยตรง แต่ยังไม่เปิดให้บริการ ใช้สำหรับบริการข่นส่งพัสดุเท่านั้น

รถไฟขบวน 75 / 76 เส้นทางกรุงเทพ - หนองคาย

เป็นรถไฟประเภท "รถด่วน" ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 9 ชั่วโมง 40 นาที โดยเริ่มเดินทางจากสถานีหัวลำโพง เวลา 08.20 น. และถึงสถานีปลายทางจังหวัดหนองคาย เวลา 17.45 น. ในช่วงเย็น โดยแยกประเภทรถได้ดังนี้

  • ที่นั่งชั้นสองพร้อมเครื่องปรับอากาศ ที่นั่งคล้ายกับที่นั่งในเครื่องบิน : มีลักษณะนุ่มและสามารถปรับเอนหลังได้ แต่ไม่แนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไกลๆ

  • ที่นั่งชั้นที่ 3 ที่นั่งบนรถไฟขบวนนี้จะค่อนข้างปวดหลังไปสักนิดและไม่ได้แบ่งออกเป็นที่นั่งเฉพาะ ซึ่งคุณสามารถเปิดหน้าต่างได้ มีขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มจำหน่ายในระหว่างการเดินทาง ส่วนใหญ่จะใช้โดยผู้โดยสารในท้องถิ่นที่เดินทางในระยะสั้นๆ

รถไฟขบวน 25 / 26 เส้นทางกรุงเทพ - หนองคาย

เป็นรถไฟประเภท "รถด่วนพิเศษ" ใช้เวลาในการเดินทางโดยประมาณ 10 ชั่วโมง 45 นาที โดยเริ่มเดินทางจากสถานีหัวลำโพงเวลา 20.00 น. และถึงสถานีปลายทางจังหวัดหนองคายเวลา 06.45 น. ในช่วงเช้าของวันถัดไป รถไฟขบวนนี้มีเพียงตู้นอน โดยแยกประเภทรถได้ดังนี้

  • รถนอนวีไอพี ประกอบไปด้วยห้องพักส่วนบุคคล จำนวน 12 ห้อง 24 เตียง (เตียงบนและเตียงล่างอย่างละหนึ่งใน 1 ห้อง) ในตอนเย็นพนักงานจะเปลี่ยนที่นั่งเป็นที่นอนให้กับผู้โดยสาร ราคาตั๋วจะรวมถึงผ้าปูที่นอนและอุปกรณ์ซักล้างให้เรียบร้อย เช่น ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ผ้าขนหนู และผ้าเช็ดตัว ในช่วงท้ายของรถแต่ละคันจะมีห้องน้ำไว้ให้บริการ หากคุณเดินทางเพียงคน (โดยลำพัง) แต่ไม่ได้จ่ายเงินสำหรับการเหมาห้องโดยสาร คุณจะพบว่าในห้องโดยสารของคุณจะมีผู้โดยสารคนอื่นซึ่งเป็นเพศเดียวกันอยู่ร่วมห้องเดียวกับคุณ หากคุณต้องการความเป็นส่วนตัวและไม่อยากนอนพักกับใคร โปรดแจ้งให้เราทราบ แต่คุณจะต้องจ่ายราคาเต็มสำหรับทั้งห้องโดยสารนั้น และถ้าคุณเดินทางเป็นกลุ่ม คุณสามารถขอช่องที่อยู่ติดกันโดยมีประตูเชื่อมต่อด้านใน (ระหว่างห้องแรกและห้องที่ 2 ห้องที่ 3 และ 4 ได้ เป็นต้น)

  • รถนอนชั้น 2 เครื่องปรับอากาศ มีทั้งที่นั่ง และ ที่นอนจัดตามผนังทั้งสองด้านติดริมหน้าต่าง ในตอนกลางวันจะมีการเปลี่ยนที่นอนเป็นที่นั่ง โดยจะหันหน้าเข้าหากัน ในตอนค่ำพนักงานจะทำการเปลี่ยนจากที่นั่งให้เป็นที่นอนให้เพื่อรอรับผู้โดยสาร (ในราคานี้ รวมผ้าปูเตียงและผ้าห่ม) ที่นอนแต่ละที่จะมีผ้าม่านกั้นฉากให้เพื่อความเป็นส่วนตัว

  • รถนอนชั้น 2 พัดลม มีทั้งที่นั่ง และ ที่นอนจัดตามผนังทั้งสองด้านติดริมหน้าต่าง ในตอนกลางวันจะมีการเปลี่ยนที่นอนเป็นที่นั่ง โดยจะหันหน้าเข้าหากัน ในตอนค่ำพนักงานจะทำการเปลี่ยนจากที่นั่งให้เป็นที่นอนให้เพื่อรอรับผู้โดยสาร (ในราคานี้ รวมผ้าปูเตียงและผ้าห่ม) ที่นอนแต่ละที่จะมีผ้าม่านกั้นฉากให้เพื่อความเป็นส่วนตัว

สำหรับตู้รถไฟที่ติดเครื่องปรับอากาศมาจากใหม่กว่าและสะอาดกว่า แต่ถ้าเป็นตู้รถไฟที่มีหน้าต่างแบบเปิดด้านข้าง จะเหมาะสำหรับกลุ่มคนที่ชอบถ่ายภาพและถ่ายวีดีโอ

รถไฟขบวน 133 / 134 เส้นทางกรุงเทพ - หนองคาย

เป็นรถไฟประเภท "รถเร็ว" ใช้เวลาในการเดินทางจากกรุงเทพ - หนองคาย ประมาณ 11 ชั่วโมง 50 นาที โดยเริ่มเดินทางจากสถานีหัวลำโพง เวลา 20.45 น. และถึงสถานีหนองคาย เวลา 08.35 น. ในช่วงเช้าของวันถัดไป รถไฟจะจอดเทียบท่าเกือบทุกสถานี และในขบวนดังกล่าวมีประเภทรถดังต่อไปนี้:

  • ห้องนอนชั้น 2 พร้อมเครื่องปรับอากาศ มีทั้งแบบที่นั่ง และ ที่นอนติดริมหน้าต่าง ในตอนกลางวันจะมีการเปลี่ยนที่นอนเป็นที่นั่ง โดยจะหันหน้าเข้าหากัน ในตอนค่ำพนักงานจะทำการเปลี่ยนจากที่นั่งให้เป็นที่นอนให้เพื่อรอรับผู้โดยสาร (ในราคานี้ รวมผ้าปูเตียงและผ้าห่ม) ที่นอนแต่ละที่จะมีผ้าม่านกั้นฉากให้ เพื่อให้ลูกค้าได้มีพื้นที่ส่วนตัว และพักผ่อนระหว่างการเดินทาง

  • ที่นั่งชั้น 2 พร้อมพัดลม ที่นั่งสามารถปรับเอนได้ตามความต้องการของคุณ เบาะมีความนุ่มและสบาย ทำให้คุณนั่งได้นานและไม่รู้สึกเมื่อย ตั๋วสำหรับรถประเภทนี้จะขายพร้อมกับจำนวนที่นั่งตามหน้าระบบเท่านั้น

  • ที่นั่งชั้นที่ 3 ถ้าคุณยังไม่เคยนั่งรถไฟชั้นนี้ ที่นั่งจะค่อนข้างปวดหลังไปสักนิดและไม่ได้แบ่งออกเป็นที่นั่งเฉพาะ ซึ่งคุณสามารถเปิดหน้าต่างได้ มีขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มจำหน่ายในระหว่างการเดินทาง

กรุงเทพ สู่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อุบลราชธานี)

ระยะทางจากกรุงเทพฯ ไป อุบลราชธานี (ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยที่ใกล้กับชายแดนใต้ของลาว) มีระยะทางอยู่ที่ 575 กม. บนเส้นทางนี้จะมีการรถด่วนพิเศษ รถด่วน และรถเร็ววิ่ง 3 ขบวน ถ้าคุณรีบสามารถเลือกรถไฟที่เร็วที่สุดได้ นั่นก็คือรถไฟขบวนที่ # 21 / 22 แต่ถ้าคุณต้องการความสะดวกสบายเลือกรถไฟนอน ขบวน # 67 / 68, # 23 / 24 แทนได้เช่นกัน

รถไฟขบวน 21 / 22 เส้นทางกรุงเทพ - อุบลราชธานี

เป็นรถไฟประเภท "รถด่วนพิเศษ" - ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง 15 นาที โดยเริ่มเดินทางจากสถานีหัวลำโพง เวลา 05.45 น. และถึงสถานีปลายทางจังหวัดอุบลราชธานี เวลา 14.00 น. ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ประเภทของรถโดยสารขบวนนี้จะมีเพียง รถชั้น 2 นั่งแบบปรับอากาศ เท่านั้น โดยจะเป็นเบาะที่มีความนุ่ม สบายและสามารถปรับเอนได้

รถไฟขบวน 23 / 24 เส้นทางกรุงเทพ - อุบลราชธานี

เป็นรถไฟประเภท "รถด่วนพิเศษ" - ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง โดยเริ่มเดินทางจากสถานีหัวลำโพง เวลา 20.30 น. และถึงสถานีปลายทางจังหวัดอุบลราชธานี เวลา 06.15 น. ในช่วงเช้าในวันถัดไป

รถนอนวีไอพี ประกอบไปด้วยห้องพักส่วนบุคคล จำนวน 12 ห้อง มี 24 เตียง (เตียงบนและเตียงล่างอย่างละหนึ่งใน 1 ห้อง) ในตอนเย็นพนักงานจะเปลี่ยนที่นั่งเป็นที่นอนให้กับผู้โดยสาร ราคาตั๋วจะรวมถึงผ้าปูที่นอนและอุปกรณ์ซักล้างให้เรียบร้อย เช่น ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ผ้าขนหนู และผ้าเช็ดตัว ในช่วงท้ายของรถแต่ละคันจะมีห้องน้ำไว้ให้บริการ หากคุณเดินทางเพียงคน (โดยลำพัง) แต่ไม่ได้จ่ายเงินสำหรับการเหมาห้องโดยสาร คุณจะพบว่าในห้องโดยสารของคุณจะมีผู้โดยสารคนอื่นซึ่งเป็นเพศเดียวกันอยู่ร่วมห้องเดียวกับคุณ หากคุณต้องการความเป็นส่วนตัวและไม่อยากนอนพักกับใคร โปรดแจ้งให้เราทราบ แต่คุณจะต้องจ่ายราคาเต็มสำหรับทั้งห้องโดยสารนั้น และถ้าคุณเดินทางเป็นกลุ่ม คุณสามารถขอช่องที่อยู่ติดกันโดยมีประตูเชื่อมต่อด้านใน (ระหว่างห้องแรกและห้องที่ 2 ห้องที่ 3 และ 4 ได้ เป็นต้น)

ห้องนอนชั้น 2 พร้อมเครื่องปรับอากาศ มีทั้งแบบที่นั่ง และ ที่นอนติดริมหน้าต่าง ในตอนกลางวันจะมีการเปลี่ยนที่นอนเป็นที่นั่ง โดยจะหันหน้าเข้าหากัน ในตอนค่ำพนักงานจะทำการเปลี่ยนจากที่นั่งให้เป็นที่นอนให้เพื่อรอรับผู้โดยสาร (ในราคานี้ รวมผ้าปูเตียงและผ้าห่ม) ที่นอนแต่ละที่จะมีผ้าม่านกั้นฉากให้ เพื่อให้ลูกค้าได้มีพื้นที่ส่วนตัว และพักผ่อนระหว่างการเดินทาง โปรดเตรียมพร้อมว่าในตอนกลางคืนอากาศค่อนข้างเย็นบนรถไฟ โดยเฉพาะที่นอนด้านบน

รถไฟขบวน 67 / 68 เส้นทางกรุงเทพ - อุบลราชธานี

เป็นรถไฟประเภท "รถด่วน" - ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง 55 นาที โดยเริ่มเดินทางจากสถานีหัวลำโพงเวลา 20.30 น. และถึงสถานีปลายทางจังหวัดอุบลราชธานี เวลา 07.25 น. ในช่วงเช้าของวันถัดไป โดยแยกประเภทรถได้ดังนี้

รถนอนวีไอพี ประกอบไปด้วยห้องพักส่วนบุคคล จำนวน 12 ห้อง มี 24 เตียง (เตียงบนและเตียงล่างอย่างละหนึ่งใน 1 ห้อง) ในตอนเย็นพนักงานจะเปลี่ยนที่นั่งเป็นที่นอนให้กับผู้โดยสาร ราคาตั๋วจะรวมถึงผ้าปูที่นอนและอุปกรณ์ซักล้างให้เรียบร้อย เช่น ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ผ้าขนหนู และผ้าเช็ดตัว ในช่วงท้ายของรถแต่ละคันจะมีห้องน้ำไว้ให้บริการ หากคุณเดินทางเพียงคน (โดยลำพัง) แต่ไม่ได้จ่ายเงินสำหรับการเหมาห้องโดยสาร คุณจะพบว่าในห้องโดยสารของคุณจะมีผู้โดยสารคนอื่นซึ่งเป็นเพศเดียวกันอยู่ร่วมห้องเดียวกับคุณ หากคุณต้องการความเป็นส่วนตัวและไม่อยากนอนพักกับใคร โปรดแจ้งให้เราทราบ แต่คุณจะต้องจ่ายราคาเต็มสำหรับทั้งห้องโดยสารนั้น และถ้าคุณเดินทางเป็นกลุ่ม คุณสามารถขอช่องที่อยู่ติดกันโดยมีประตูเชื่อมต่อด้านใน (ระหว่างห้องแรกและห้องที่ 2 ห้องที่ 3 และ 4 ได้ เป็นต้น)

ห้องนอนชั้น 2 พร้อมเครื่องปรับอากาศ มีทั้งแบบที่นั่ง และ ที่นอนติดริมหน้าต่าง ในตอนกลางวันจะมีการเปลี่ยนที่นอนเป็นที่นั่ง โดยจะหันหน้าเข้าหากัน ในตอนค่ำพนักงานจะทำการเปลี่ยนจากที่นั่งให้เป็นที่นอนให้เพื่อรอรับผู้โดยสาร (ในราคานี้ รวมผ้าปูเตียงและผ้าห่ม) ที่นอนแต่ละที่จะมีผ้าม่านกั้นฉากให้ เพื่อให้ลูกค้าได้มีพื้นที่ส่วนตัว และพักผ่อนระหว่างการเดินทาง

ที่นั่งชั้น 2 พร้อมพัดลม ที่นั่งสามารถปรับเอนได้ตามความต้องการของคุณ เบาะมีความนุ่มและสบาย ทำให้คุณได้นานและไม่รู้สึกเมื่อย ตั๋วสำหรับรถประเภทนี้จะขายพร้อมกับจำนวนที่นั่งตามหน้าระบบเท่านั้น

รถไฟขบวน 135 / 136 เส้นทางกรุงเทพ - อุบลราชธานี

เป็นรถไฟประเภท "รถเร็ว" ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 11 ชั่วโมง 20 นาที รถจะออกจากสถานีหัวลำโพงในตอนเช้า เวลาประมาณ 06.40 น. และถึงสถานปลายทางในช่วงค่ำ เวลาประมาณ 18.00 น. รถไฟจอดเทียบท่าเกือบทุกสถานี และในขบวนมีประเภทของรถดังต่อไปนี้:

  • ที่นั่งชั้น 2 พร้อมพัดลม ที่นั่งสามารถปรับเอนได้ตามความต้องการของคุณ เบาะมีความนุ่มและสบาย ทำให้คุณได้นานและไม่รู้สึกเมื่อย ตั๋วสำหรับรถประเภทนี้จะขายพร้อมกับจำนวนที่นั่งตามหน้าระบบเท่านั้น

  • ที่นั่งชั้นที่ 3 ที่นั่งบนรถไฟขบวนนี้จะค่อนข้างปวดหลังไปสักนิดและไม่ได้แบ่งออกเป็นที่นั่งเฉพาะ ซึ่งคุณสามารถเปิดหน้าต่างได้ มีขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มจำหน่ายในระหว่างการเดินทาง ตู้ที่นั่งชั้น 3 ถ้าคุณโชคดีพัดลมก็ใช้งานได้ หากโชคร้ายอาจเจอจุดที่พัดลมเสีย ซึ่งอากาศในช่วงกลางวันจะร้อนมากๆ แต่คุณสามารถเปิดหน้าต่างได้ตลอด แน่นอนในเส้นทางนี้ระยะเวลา 11 ชั่วโมงในการเดินทาง อาจเป็นอะไรที่คุณจะไม่ลืมง่ายๆ

รถไฟขบวน 139 / 140 เส้นทางกรุงเทพ - อุบลราชธานี

เป็นรถไฟประเภท "อย่างรวดเร็ว" ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 11 ชั่วโมง 20 นาที รถไฟจอดเทียบท่าเกือบทุกสถานีและมีประเภทของรถดังต่อไปนี้:

  • ห้องนอนชั้น 2 พร้อมเครื่องปรับอากาศ มีทั้งแบบที่นั่ง และ ที่นอนติดริมหน้าต่าง ในตอนกลางวันจะมีการเปลี่ยนที่นอนเป็นที่นั่ง โดยจะหันหน้าเข้าหากัน ในตอนค่ำพนักงานจะทำการเปลี่ยนจากที่นั่งให้เป็นที่นอนให้เพื่อรอรับผู้โดยสาร (ในราคานี้ รวมผ้าปูเตียงและผ้าห่ม) ที่นอนแต่ละที่จะมีผ้าม่านกั้นฉากให้ เพื่อให้ลูกค้าได้มีพื้นที่ส่วนตัว และพักผ่อนระหว่างการเดินทาง

  • ที่นั่งชั้น 2 พร้อมพัดลม ที่นั่งสามารถปรับเอนได้ตามความต้องการของคุณ เบาะมีความนุ่มและสบาย ทำให้คุณนั่งได้นานและไม่รู้สึกเมื่อย ตั๋วสำหรับรถประเภทนี้จะขายพร้อมกับจำนวนที่นั่งตามหน้าระบบเท่านั้น

  • ที่นั่งชั้นที่ 3 ที่นั่งบนรถไฟขบวนนี้จะค่อนข้างปวดหลังไปสักนิดและไม่ได้แบ่งออกเป็นที่นั่งเฉพาะ ซึ่งคุณสามารถเปิดหน้าต่างได้ มีขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มจำหน่ายในระหว่างการเดินทาง

รถไฟขบวน 141 / 142 เส้นทางกรุงเทพ - อุบลราชธานี

เป็นรถไฟประเภท "รถเร็ว" ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 11 ชั่วโมง 55 นาที รถไฟขบวนนี้จะจอดเทียบท่าเกือบทุกสถานี มีตู้เสบียงให้บริการ ซึ่งประกอบไปด้วยประเภทของรถดังนี้:

  • ที่นั่งชั้น 2 พร้อมพัดลม ที่นั่งสามารถปรับเอนได้ตามความต้องการของคุณ เบาะมีความนุ่มและสบาย ทำให้คุณได้นานและไม่รู้สึกเมื่อย ตั๋วสำหรับรถประเภทนี้จะขายพร้อมกับจำนวนที่นั่งตามหน้าระบบเท่านั้น

  • ที่นั่งชั้นที่ 3 ที่นั่งบนรถไฟขบวนนี้จะค่อนข้างปวดหลังไปสักนิดและไม่ได้แบ่งออกเป็นที่นั่งเฉพาะ ซึ่งคุณสามารถเปิดหน้าต่างได้ มีขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มจำหน่ายในระหว่างการเดินทาง

จากกรุงเทพ ไป ภาคตะวันออก (อรัญประเทศ)

อรัญประเทศ ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 255 กิโลเมตร ห่างจากชายแดนกัมพูชาและปอยเปตประมาณ 6 กิโลเมตรเท่านั้น จากจุดที่รถโดยสาร (รถเมล์) ออกเดินทางไปยังเสียมเรียบและเมืองอื่น ๆ ในประเทศกัมพูชา บนเส้นทางนี้มีรถไฟธรรมดา 2 ขบวน จองล่วงหน้าไม่ได้

รถไฟขบวน 275 / 286 เส้นทางกรุงเทพ - อรัญประเทศ

เป็นรถไฟประเภท "รถธรรมดา" ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง 40 นาที จากกรุงเทพเพื่อไปถึงสถานีปลายทาง ออกเดินทางในช่วงเวลาเช้ามาก ประมาณ 05.55 น. ถึงสถานีปลายทางประมาณ 11.35 น. เป็นรถไฟชั้น 3 ที่นั่งเป็นเบาะยาวและแข็ง มีพัดลมบริการ (แต่โดยส่วนมากจะไม่ทำงาน) สามารถเปิดหน้าต่างได้

รถไฟขบวน 279 / 280 เส้นทางกรุงเทพ - อรัญประเทศ

เป็นรถไฟประเภท "รถธรรมดา" - ใช้เวลาเดินทางค่อนข้างเร็วกว่าขบวนอื่น โดยใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง 20 นาทีเพื่อไปถึงสถานีปลายทาง เป็นรถไฟ ชั้น 3 ที่นั่งเป็นเบาะยาวและแข็ง มีพัดลมบริการ (แต่โดยส่วนมากจะไม่ทำงาน) สามารถเปิดหน้าต่างได้

จากกรุงเทพ ไป ภาคใต้

เส้นทางระหว่างกรุงเทพฯ และหัวหิน มีระยะทางประมาณ 229 กิโลเมตร และในปัจจุบันมีการพัฒนาเส้นทางไปมาก เมื่อรถไฟผ่านหัวหิน จะเห็นรีสอร์ทที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองประเทศไทย ที่มีรถไฟหลายขบวนผ่านไปยังที่ใดที่หนึ่งในภาคใต้

ชุมพร

หมายเหตุ : ตั๋วไปและกลับจากชุมพร สามารถยืนยันล่วงหน้าได้ 30 วันเท่านั้น เมื่อถึงเวลานั้นที่นั่งส่วนใหญ่จะขายให้กับผู้ที่เดินทางไกลและจองตั๋วล่วงหน้า 90 วัน หากคุณไม่ต้องการเสี่ยง โปรดจองตั๋วจาก/ไปยังสถานี หลังสวน แทน แน่นอนว่าคุณยังสามารถขึ้นหรือลงที่ชุมพรได้ ราคาส่วนต่างต่อที่นั่งปัจจุบัน (สิงหาคม 2560) เพียง 42 บาท (สำหรับรถไฟชั้น 2) และ 68 บาท (สำหรับชั้น 1) การจองทางไกลช่วยให้คุณมีโอกาสได้รับตั๋วที่คุณต้องการมากขึ้น

รถไฟขบวน 261 / 262 เส้นทางกรุงเทพ - หัวหิน

เป็นรถไฟประเภท "รถธรรมดา" รถไฟประเภทนี้ใช้เวลาในการเดินทางค่อนข้างนานและล่าช้า เนื่องจากจะจอดรับผู้โดยสารทุกสถานี ใช้เวลาในการเดินทางไปหัวหิน ประมาณ 4 ชั่วโมง 15 นาที เป็นรถไฟ ชั้น 3 ที่นั่งเป็นเบาะยาวและแข็ง มีพัดลมให้บริการ (แต่โดยส่วนมากจะไม่ทำงาน) สามารถเปิดหน้าต่างรับลมได้

รถไฟขบวน 171 / 172 เส้นทางกรุงเทพ - สุไหงโกลก

เป็นรถไฟประเภท "รถเร็ว" ใช้เวลาในการเดินทางไปที่หัวหินคือ 5-6 ชั่วโมง สถานีปลายทาง คือ สุไหงโกลก (ซึ่งจะใช้เวลาในการเดินทางตลอดสาย รวม 21 ชั่วโมง 45 นาที) รถไฟจะจอดเทียบท่าเกือบทุกสถานี และจะมีรถประเภทต่อไปนี้:

ห้องนอนชั้น 2 พร้อมเครื่องปรับอากาศ มีทั้งแบบที่นั่ง และ ที่นอนติดริมหน้าต่าง ในตอนกลางวันจะมีการเปลี่ยนที่นอนเป็นที่นั่ง โดยจะหันหน้าเข้าหากัน ในตอนค่ำพนักงานจะทำการเปลี่ยนจากที่นั่งให้เป็นที่นอนให้เพื่อรอรับผู้โดยสาร (ในราคานี้ รวมผ้าปูเตียงและผ้าห่ม) ที่นอนแต่ละที่จะมีผ้าม่านกั้นฉากให้ เพื่อให้ลูกค้าได้มีพื้นที่ส่วนตัว และพักผ่อนระหว่างการเดินทาง

ห้องนอนชั้น 2 พร้อมพัดลม มีทั้งแบบที่นั่ง และ ที่นอนติดริมหน้าต่าง ในตอนกลางวันจะมีการเปลี่ยนที่นอนเป็นที่นั่ง โดยจะหันหน้าเข้าหากัน ในตอนค่ำพนักงานจะทำการเปลี่ยนจากที่นั่งให้เป็นที่นอนให้เพื่อรอรับผู้โดยสาร (ในราคานี้ รวมผ้าปูเตียงและผ้าห่ม) ที่นอนแต่ละที่จะมีผ้าม่านกั้นฉากให้ เพื่อให้ลูกค้าได้มีพื้นที่ส่วนตัว และพักผ่อนระหว่างการเดินทาง

สำหรับตู้รถไฟที่ติดเครื่องปรับอากาศมา จะใหม่กว่าและสะอาดกว่า แต่ถ้าเป็นตู้รถไฟที่มีหน้าต่างแบบเปิดด้านข้าง จะเหมาะสำหรับกลุ่มคนที่ชอบถ่ายภาพและถ่ายวีดีโอ

ที่นั่งชั้น 2 พร้อมพัดลม ที่นั่งสามารถปรับเอนได้ตามความต้องการของคุณ เบาะมีความนุ่มและสบาย ทำให้คุณได้นานและไม่รู้สึกเมื่อย ตั๋วสำหรับรถประเภทนี้จะขายพร้อมกับจำนวนที่นั่งตามหน้าระบบเท่านั้น

ที่นั่งชั้นที่ 3 ที่นั่งบนรถไฟขบวนนี้จะค่อนข้างปวดหลังไปสักนิดและไม่ได้แบ่งออกเป็นที่นั่งเฉพาะ ซึ่งคุณสามารถเปิดหน้าต่างได้ มีขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มจำหน่ายในระหว่างการเดินทาง

รถไฟขบวน # 45 / 46 เส้นทางกรุงเทพฯ ถึง ปาดังเบซาร์ (ฝั่งมาเลเซีย)

เป็นรถไฟประเภท รถด่วนพิเศษ - ใช้เวลาในการเดินทางไปหัวหิน 5 ชั่วโมง สถานีสุดท้ายคือปาดังเบซาร์ (ฝั่งมาเลเซีย) รถไฟประเภทนี้เร็วที่สุดและแทบจะไม่มีแวะจอดตามสถานีเลย แต่ก็มีราคาแพงที่สุดเช่นกัน

ห้องนอนชั้น 2 พร้อมเครื่องปรับอากาศ มีทั้งแบบที่นั่ง และ ที่นอนติดริมหน้าต่าง ในตอนกลางวันจะมีการเปลี่ยนที่นอนเป็นที่นั่ง โดยจะหันหน้าเข้าหากัน ในตอนค่ำพนักงานจะทำการเปลี่ยนจากที่นั่งให้เป็นที่นอนให้เพื่อรอรับผู้โดยสาร (ในราคานี้ รวมผ้าปูเตียงและผ้าห่ม) ที่นอนแต่ละที่จะมีผ้าม่านกั้นฉากให้ เพื่อให้ลูกค้าได้มีพื้นที่ส่วนตัว และพักผ่อนระหว่างการเดินทาง

รถไฟขบวน 37 / 38 เส้นทางกรุงเทพ - สุไหงโกลก

เป็นรถไฟประเภท "รถด่วนพิเศษ" ใช้เวลาในการเดินทางไปหัวหิน ประมาณ 5-6 ชั่วโมง รถไฟประเภทนี้จะเดินทางได้เร็วที่สุด และไม่มีการจอดพัก และมีตู้รถไฟที่จำหน่ายอาหารด้วย แต่จะมีราคาค่อนข้างแพงมาก สถานีสุดท้ายคือสุไหงโกลก โดยแยกประเภทรถได้ดังนี้

รถนอนวีไอพี ประกอบไปด้วยห้องพักส่วนบุคคล จำนวน 12 ห้อง 24 เตียง (เตียงบนและเตียงล่างอย่างละหนึ่งใน 1 ห้อง) ในตอนเย็นพนักงานจะเปลี่ยนที่นั่งเป็นที่นอนให้กับผู้โดยสาร ราคาตั๋วจะรวมถึงผ้าปูที่นอนและอุปกรณ์ซักล้างให้เรียบร้อย เช่น ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ผ้าขนหนู และผ้าเช็ดตัว ในช่วงท้ายของรถแต่ละคันจะมีห้องน้ำไว้ให้บริการ หากคุณเดินทางเพียงคน (โดยลำพัง) แต่ไม่ได้จ่ายเงินสำหรับการเหมาห้องโดยสาร คุณจะพบว่าในห้องโดยสารของคุณจะมีผู้โดยสารคนอื่นซึ่งเป็นเพศเดียวกันอยู่ร่วมห้องเดียวกับคุณ หากคุณต้องการความเป็นส่วนตัวและไม่อยากนอนพักกับใคร โปรดแจ้งให้เราทราบ แต่คุณจะต้องจ่ายราคาเต็มสำหรับทั้งห้องโดยสารนั้น และถ้าคุณเดินทางเป็นกลุ่ม คุณสามารถขอช่องที่อยู่ติดกันโดยมีประตูเชื่อมต่อด้านใน (ระหว่างห้องแรกและห้องที่ 2 ห้องที่ 3 และ 4 ได้ เป็นต้น)

ห้องนอนชั้น 2 พร้อมเครื่องปรับอากาศ มีทั้งแบบที่นั่ง และ ที่นอนติดริมหน้าต่าง ในตอนกลางวันจะมีการเปลี่ยนที่นอนเป็นที่นั่ง โดยจะหันหน้าเข้าหากัน ในตอนค่ำพนักงานจะทำการเปลี่ยนจากที่นั่งให้เป็นที่นอนให้เพื่อรอรับผู้โดยสาร (ในราคานี้ รวมผ้าปูเตียงและผ้าห่ม) ที่นอนแต่ละที่จะมีผ้าม่านกั้นฉากให้ เพื่อให้ลูกค้าได้มีพื้นที่ส่วนตัว และพักผ่อนระหว่างการเดินทาง

ห้องนอนชั้น 2 พร้อมพัดลม มีทั้งแบบที่นั่ง และ ที่นอนติดริมหน้าต่าง ในตอนกลางวันจะมีการเปลี่ยนที่นอนเป็นที่นั่ง โดยจะหันหน้าเข้าหากัน ในตอนค่ำพนักงานจะทำการเปลี่ยนจากที่นั่งให้เป็นที่นอนให้เพื่อรอรับผู้โดยสาร (ในราคานี้ รวมผ้าปูเตียงและผ้าห่ม) ที่นอนแต่ละที่จะมีผ้าม่านกั้นฉากให้ เพื่อให้ลูกค้าได้มีพื้นที่ส่วนตัว และพักผ่อนระหว่างการเดินทาง

ที่นั่งชั้นที่ 3 ที่นั่งบนรถไฟขบวนนี้จะค่อนข้างปวดหลังไปสักนิดและไม่ได้แบ่งออกเป็นที่นั่งเฉพาะ ซึ่งคุณสามารถเปิดหน้าต่างได้ มีขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มจำหน่ายในระหว่างการเดินทาง

รถไฟขบวน 169 / 170 เส้นทางกรุงเทพ - ยะลา

เป็นรถไฟประเภท "รถเร็ว" ใช้เวลาในการเดินทางไปที่หัวหินคือ 5-6 ชั่วโมง สถานีสุดท้ายคือยะลา โดยแยกประเภทรถได้ดังนี้

ห้องนอนชั้น 2 พร้อมเครื่องปรับอากาศ มีทั้งแบบที่นั่ง และ ที่นอนติดริมหน้าต่าง ในตอนกลางวันจะมีการเปลี่ยนที่นอนเป็นที่นั่ง โดยจะหันหน้าเข้าหากัน ในตอนค่ำพนักงานจะทำการเปลี่ยนจากที่นั่งให้เป็นที่นอนให้เพื่อรอรับผู้โดยสาร (ในราคานี้ รวมผ้าปูเตียงและผ้าห่ม) ที่นอนแต่ละที่จะมีผ้าม่านกั้นฉากให้ เพื่อให้ลูกค้าได้มีพื้นที่ส่วนตัว และพักผ่อนระหว่างการเดินทาง

ห้องนอนชั้น 2 พร้อมพัดลม มีทั้งแบบที่นั่ง และ ที่นอนติดริมหน้าต่าง ในตอนกลางวันจะมีการเปลี่ยนที่นอนเป็นที่นั่ง โดยจะหันหน้าเข้าหากัน ในตอนค่ำพนักงานจะทำการเปลี่ยนจากที่นั่งให้เป็นที่นอนให้เพื่อรอรับผู้โดยสาร (ในราคานี้ รวมผ้าปูเตียงและผ้าห่ม) ที่นอนแต่ละที่จะมีผ้าม่านกั้นฉากให้ เพื่อให้ลูกค้าได้มีพื้นที่ส่วนตัว และพักผ่อนระหว่างการเดินทาง

ที่นั่งชั้น 2 พร้อมพัดลม ที่นั่งสามารถปรับเอนได้ตามความต้องการของคุณ เบาะมีความนุ่มและสบาย ทำให้คุณได้นานและไม่รู้สึกเมื่อย ตั๋วสำหรับรถประเภทนี้จะขายพร้อมกับจำนวนที่นั่งตามหน้าระบบเท่านั้น

ที่นั่งชั้นที่ 3 รถไฟขบวนนี้มาโดยไม่มีหมายเลขที่นั่ง เพียงแค่กระโดดขึ้นและหาพื้นที่บางส่วน ในขณะที่การเดินทางไปหัวหิน คุณสามารถนั่งชั้นนี้ได้ เราไม่แนะนำให้เดินทางไกล

รถไฟขบวน 83 / 84 เส้นทางกรุงเทพ - ตรัง

เป็นรถไฟประเภท "รถด่วน" ใช้เวลาในการเดินทางไปหัวหินประมาณ 5-6 ชั่วโมง สถานีปลายทางที่ “ตรัง” รถไฟจอดเทียบท่าเกือบทุกสถานีและมีรถประเภทต่อไปนี้:
รถนอนวีไอพี ประกอบไปด้วยห้องพักส่วนบุคคล จำนวน 12 ห้อง 24 เตียง (เตียงบนและเตียงล่างอย่างละหนึ่งใน 1 ห้อง) ในตอนเย็นพนักงานจะเปลี่ยนที่นั่งเป็นที่นอนให้กับผู้โดยสาร ราคาตั๋วจะรวมถึงผ้าปูที่นอนและอุปกรณ์ซักล้างให้เรียบร้อย เช่น ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ผ้าขนหนู และผ้าเช็ดตัว ในช่วงท้ายของรถแต่ละคันจะมีห้องน้ำไว้ให้บริการ หากคุณเดินทางเพียงคน (โดยลำพัง) แต่ไม่ได้จ่ายเงินสำหรับการเหมาห้องโดยสาร คุณจะพบว่าในห้องโดยสารของคุณจะมีผู้โดยสารคนอื่นซึ่งเป็นเพศเดียวกันอยู่ร่วมห้องเดียวกับคุณ หากคุณต้องการความเป็นส่วนตัวและไม่อยากนอนพักกับใคร โปรดแจ้งให้เราทราบ แต่คุณจะต้องจ่ายราคาเต็มสำหรับทั้งห้องโดยสารนั้น และถ้าคุณเดินทางเป็นกลุ่ม คุณสามารถขอช่องที่อยู่ติดกันโดยมีประตูเชื่อมต่อด้านใน (ระหว่างห้องแรกและห้องที่ 2 ห้องที่ 3 และ 4 ได้ เป็นต้น)

ห้องนอนชั้น 2 พร้อมเครื่องปรับอากาศ มีทั้งแบบที่นั่ง และ ที่นอนติดริมหน้าต่าง ในตอนกลางวันจะมีการเปลี่ยนที่นอนเป็นที่นั่ง โดยจะหันหน้าเข้าหากัน ในตอนค่ำพนักงานจะทำการเปลี่ยนจากที่นั่งให้เป็นที่นอนให้เพื่อรอรับผู้โดยสาร (ในราคานี้ รวมผ้าปูเตียงและผ้าห่ม) ที่นอนแต่ละที่จะมีผ้าม่านกั้นฉากให้ เพื่อให้ลูกค้าได้มีพื้นที่ส่วนตัว และพักผ่อนระหว่างการเดินทาง

ที่นั่งชั้น 2 พร้อมพัดลม ที่นั่งสามารถปรับเอนได้ตามความต้องการของคุณ เบาะมีความนุ่มและสบาย ทำให้คุณได้นานและไม่รู้สึกเมื่อย ตั๋วสำหรับรถประเภทนี้จะขายพร้อมกับจำนวนที่นั่งตามหน้าระบบเท่านั้น

ที่นั่งชั้นที่ 3 ที่นั่งบนรถไฟขบวนนี้จะค่อนข้างปวดหลังไปสักนิดและไม่ได้แบ่งออกเป็นที่นั่งเฉพาะ ซึ่งคุณสามารถเปิดหน้าต่างเผื่อรับได้ มีขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มจำหน่ายในระหว่างการเดินทาง

รถไฟขบวน 173 / 174 เส้นทางกรุงเทพ - นครศรีธรรมราช

เป็นรถไฟประเภท "รถเร็ว" เป็นประเภทของรถไฟที่พบมากที่สุดในประเทศไทย เวลาไปหัวหินประมาณ 5-6 ชั่วโมง สถานีปลายทางที่นครศรีธรรมราช รถไฟจะหยุดเกือบทุกสถานีและมีรถประเภทต่อไปนี้

ห้องนอนชั้น 2 พร้อมเครื่องปรับอากาศ มีทั้งแบบที่นั่ง และ ที่นอนติดริมหน้าต่าง ในตอนกลางวันจะมีการเปลี่ยนที่นอนเป็นที่นั่ง โดยจะหันหน้าเข้าหากัน ในตอนค่ำพนักงานจะทำการเปลี่ยนจากที่นั่งให้เป็นที่นอนให้เพื่อรอรับผู้โดยสาร (ในราคานี้ รวมผ้าปูเตียงและผ้าห่ม) ที่นอนแต่ละที่จะมีผ้าม่านกั้นฉากให้ เพื่อให้ลูกค้าได้มีพื้นที่ส่วนตัว และพักผ่อนระหว่างการเดินทาง

  • ห้องนอนชั้น 2 พร้อมพัดลม มีทั้งแบบที่นั่ง และ ที่นอนติดริมหน้าต่าง ในตอนกลางวันจะมีการเปลี่ยนที่นอนเป็นที่นั่ง โดยจะหันหน้าเข้าหากัน ในตอนค่ำพนักงานจะทำการเปลี่ยนจากที่นั่งให้เป็นที่นอนให้เพื่อรอรับผู้โดยสาร (ในราคานี้ รวมผ้าปูเตียงและผ้าห่ม) ที่นอนแต่ละที่จะมีผ้าม่านกั้นฉากให้ เพื่อให้ลูกค้าได้มีพื้นที่ส่วนตัว และพักผ่อนระหว่างการเดินทาง

สำหรับตู้รถไฟที่ติดเครื่องปรับอากาศมา จะใหม่กว่าและสะอาดกว่า แต่ถ้าเป็นตู้รถไฟที่มีหน้าต่างแบบเปิดด้านข้าง จะเหมาะสำหรับกลุ่มคนที่ชอบถ่ายภาพและถ่ายวีดีโอ

  • ที่นั่งชั้น 2 พร้อมเครื่องปรับอากาศ - ที่นั่งคล้ายกับที่นั่งในเครื่องบิน: นุ่มและเอนกายได้

  • ที่นั่งชั้น 2 พร้อมพัดลม ที่นั่งสามารถปรับเอนได้ตามความต้องการของคุณ เบาะมีความนุ่มและสบาย ทำให้คุณได้นานและไม่รู้สึกเมื่อย ตั๋วสำหรับรถประเภทนี้จะขายพร้อมกับจำนวนที่นั่งตามหน้าระบบเท่านั้น

  • ที่นั่งชั้นที่ 3 ที่นั่งบนรถไฟขบวนนี้จะค่อนข้างปวดหลังไปสักนิดและไม่ได้แบ่งออกเป็นที่นั่งเฉพาะ ซึ่งคุณสามารถเปิดหน้าต่างได้ มีขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มจำหน่ายในระหว่างการเดินทาง

รถไฟขบวน 167 / 168 เส้นทางกรุงเทพ - กันตัง

เป็นรถไฟประเภท "รถเร็ว" เป็นประเภทของรถไฟที่พบมากที่สุดในประเทศไทย เวลาไปหัวหินประมาณ 5-6 ชั่วโมง สถานีปลายทางที่กันตัง รถไฟจะหยุดที่เกือบทุกสถานีและมีรถประเภทต่อไปนี้:

ห้องนอนชั้น 2 พร้อมเครื่องปรับอากาศ มีทั้งแบบที่นั่ง และ ที่นอนติดริมหน้าต่าง ในตอนกลางวันจะมีการเปลี่ยนที่นอนเป็นที่นั่ง โดยจะหันหน้าเข้าหากัน ในตอนค่ำพนักงานจะทำการเปลี่ยนจากที่นั่งให้เป็นที่นอนให้เพื่อรอรับผู้โดยสาร (ในราคานี้ รวมผ้าปูเตียงและผ้าห่ม) ที่นอนแต่ละที่จะมีผ้าม่านกั้นฉากให้ เพื่อให้ลูกค้าได้มีพื้นที่ส่วนตัว และพักผ่อนระหว่างการเดินทาง

ห้องนอนชั้น 2 พร้อมพัดลม มีทั้งแบบที่นั่ง และ ที่นอนติดริมหน้าต่าง ในตอนกลางวันจะมีการเปลี่ยนที่นอนเป็นที่นั่ง โดยจะหันหน้าเข้าหากัน ในตอนค่ำพนักงานจะทำการเปลี่ยนจากที่นั่งให้เป็นที่นอนให้เพื่อรอรับผู้โดยสาร (ในราคานี้ รวมผ้าปูเตียงและผ้าห่ม) ที่นอนแต่ละที่จะมีผ้าม่านกั้นฉากให้ เพื่อให้ลูกค้าได้มีพื้นที่ส่วนตัว และพักผ่อนระหว่างการเดินทาง

สำหรับตู้รถไฟที่ติดเครื่องปรับอากาศมา จะใหม่กว่าและสะอาดกว่า แต่ถ้าเป็นตู้รถไฟที่มีหน้าต่างแบบเปิดด้านข้าง จะเหมาะสำหรับกลุ่มคนที่ชอบถ่ายภาพและถ่ายวีดีโอ

ที่นั่งชั้น 2 พร้อมเพัดลม - ที่นั่งคล้ายกับที่นั่งในเครื่องบิน: นุ่มและเอนกายได้

ที่นั่งชั้นที่ 3 ที่นั่งบนรถไฟขบวนนี้จะค่อนข้างปวดหลังไปสักนิดและไม่ได้แบ่งออกเป็นที่นั่งเฉพาะ ซึ่งคุณสามารถเปิดหน้าต่างได้ มีขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มจำหน่ายในระหว่างการเดินทาง

รถไฟขบวน 85 / 86 เส้นทางกรุงเทพ - นครศรีธรรมราช

เป็นรถไฟประเภท "รถด่วน" ใช้เวลาในการเดินทางไปที่หัวหินคือ 5-6 ชั่วโมง สถานีสุดท้ายคือนครศรีธรรมราช ในเส้นทางนี้มีระยะทางค่อนข้างยาวและยาวนานในการเดินทาง โดยแยกประเภทรถได้ดังนี้

รถนอนวีไอพี ประกอบไปด้วยห้องพักส่วนบุคคล จำนวน 12 ห้อง 24 เตียง (เตียงบนและเตียงล่างอย่างละหนึ่งใน 1 ห้อง) ในตอนเย็นพนักงานจะเปลี่ยนที่นั่งเป็นที่นอนให้กับผู้โดยสาร ราคาตั๋วจะรวมถึงผ้าปูที่นอนและอุปกรณ์ซักล้างให้เรียบร้อย เช่น ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ผ้าขนหนู และผ้าเช็ดตัว ในช่วงท้ายของรถแต่ละคันจะมีห้องน้ำไว้ให้บริการ หากคุณเดินทางเพียงคน (โดยลำพัง) แต่ไม่ได้จ่ายเงินสำหรับการเหมาห้องโดยสาร คุณจะพบว่าในห้องโดยสารของคุณจะมีผู้โดยสารคนอื่นซึ่งเป็นเพศเดียวกันอยู่ร่วมห้องเดียวกับคุณ หากคุณต้องการความเป็นส่วนตัวและไม่อยากนอนพักกับใคร โปรดแจ้งให้เราทราบ แต่คุณจะต้องจ่ายราคาเต็มสำหรับทั้งห้องโดยสารนั้น และถ้าคุณเดินทางเป็นกลุ่ม คุณสามารถขอช่องที่อยู่ติดกันโดยมีประตูเชื่อมต่อด้านใน (ระหว่างห้องแรกและห้องที่ 2 ห้องที่ 3 และ 4 ได้ เป็นต้น)

*ห้องนอนชั้น 2 พร้อมเครื่องปรับอากาศ** มีทั้งแบบที่นั่ง และ ที่นอนติดริมหน้าต่าง ในตอนกลางวันจะมีการเปลี่ยนที่นอนเป็นที่นั่ง โดยจะหันหน้าเข้าหากัน ในตอนค่ำพนักงานจะทำการเปลี่ยนจากที่นั่งให้เป็นที่นอนให้เพื่อรอรับผู้โดยสาร (ในราคานี้ รวมผ้าปูเตียงและผ้าห่ม) ที่นอนแต่ละที่จะมีผ้าม่านกั้นฉากให้ เพื่อให้ลูกค้าได้มีพื้นที่ส่วนตัว และพักผ่อนระหว่างการเดินทาง

ที่นั่งชั้น 2 พร้อมพัดลม ที่นั่งสามารถปรับเอนได้ตามความต้องการของคุณ เบาะมีความนุ่มและสบาย ทำให้คุณได้นานและไม่รู้สึกเมื่อย ตั๋วสำหรับรถประเภทนี้จะขายพร้อมกับจำนวนที่นั่งตามหน้าระบบเท่านั้น

ที่นั่งชั้นที่ 3 ใช้สำหรับระยะทางในการเดินทางที่ไม่ยาวมาก เหมาะสำหรับการเดินทางหลายชั่วโมง แต่สำหรับระยะทางไกล เราขอแนะนำให้ใช้ที่นอนแบบนอน ตั๋วสำหรับตู้โดยสารเหล่านี้จำหน่ายโดยมีหมายเลขที่นั่งสำรองไว้

รถไฟขบวน 39 / 40 เส้นทางกรุงเทพ - สุราษฎร์ธานี

เป็นรถไฟประเภท "รถด่วนพิเศษ" ใช้เวลาในการเดินทางไปหัวหิน ประมาณ 4-5 ชั่วโมง รถไฟประเภทนี้จะเดินทางได้เร็วที่สุด และไม่มีการจอดพัก ซึ่งที่นั่งของรถไฟขบวนนี้จะมีลักษณะคล้ายกับเบาะนั่งบนเครื่องบิน โดยสถานีปลายทางสุดท้ายจะเป็นสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี ตั๋วโดยสารที่มีลักษณะเป็นเลขเที่ยวระบุตามหมายเลขที่นั่งที่สำรองไว้

Train # 43 / 44 "Bangkok to Surat Thani"

เป็นรถไฟประเภท "รถด่วนพิเศษ" ใช้เวลาในการเดินทางไปหัวหิน ประมาณ 5 ชั่วโมง รถไฟประเภทนี้จะเดินทางได้เร็วที่สุด และไม่มีการจอดพัก ซึ่งที่นั่งของรถไฟขบวนนี้จะมีลักษณะคล้ายกับเบาะนั่งบนเครื่องบิน พร้อมเครื่องปรับอากาศ โดยสถานีปลายทางสุดท้ายจะเป็นสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี ในราคาตั๋วโดยสารชนิดนี้จะมีอาหารรวมอยู่ด้วย

รถไฟจากกรุงเทพไปยังเกาะต่างๆ (ภูเก็ต / เกาะพีพี / เกาะสมุย / เกาะพะงัน / เกาะเต่า)

โดยทั่วไปแล้ว การเดินไปยังเกาะต่างๆ ไม่สามารถเข้าถึงได้โดยรถไฟเพียงอย่างเดียว แต่ตั๋วเดินทางร่วม (รถไฟ หรือรถบัส และเรือข้ามฟาก) จะเป็นคำตอบที่ดีมากกว่าเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจเดินทางไปพักผ่อนที่เกาะ โดยรถไฟขบวนแรกจะพาคุณไปที่สถานีสุราษฎร์ธานี หรือสถานีชุมพร แล้วผู้โดยสารจะเดินทางต่อโดยรถบัส และเดินทางไปที่ท่าเรือ ซึ่งราคาที่คุณจ่ายนั้นจะรวมตั๋วเรือเฟอร์รี่จาก 12go.asia ด้วย ตั๋วโดยสารที่เดินทางไปและกลับจากชุมพรสามารถจองล่วงหน้าได้ 30 วัน เพราะส่วนใหญ่ตั๋วรถไฟมักจะถูกขายล่วงหน้าก่อนเวลาเดินทาง 30 วัน

เราขอแนะนำรถไฟ ขบวนที่ 83 /84 เนื่องจากเป็นเวลาที่เร็วที่สุดและสะดวกสบายที่สุด ด้วยเวลาที่เหมาะสมและลงตัวในการเดินทาง ในกรณีที่รถไฟเกิดความล่าช้า ผู้ให้บริการเรือโดยสารจะยังคงรอลูกค้าอยู่ที่สถานี ถ้าคุณต้องการเดินทางไปยังเกาะเต่าหรือกรอบรายงานคุณควรลงจากรถไฟที่สถานีรถไฟชุมพร

รถไฟจากสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ไป สถานีชุมพร และสถานีสุราษฎร์ธานี
(กรุณาเลื่อนขึ้นด้านบนเพื่อดูรายละเอียดรถไฟ)

  • รถไฟขบวนที่ # 171 / 172 "กรุงเทพ ไป สุไหงโกลก"
  • รถไฟขบวนที่ # 37 / 38 "กรุงเทพ ไป สุไหงโกลก"
  • รถไฟขบวนที่ # 169 / 170 "กรุงเทพ ไป ยะลา"
  • รถไฟขบวนที่ # 83 / 84 "กรุงเทพ ไป ตรัง"
  • รถไฟขบวนที่ # 167 / 168 "กรุงเทพ ไป กันตัง"
  • รถไฟขบวนที่ # 85 / 86 "กรุงเทพ ไป นครศรีธรรมราช"
  • รถไฟขบวนที่ # 39 / 40 "กรุงเทพ ไป สุราษฎร์ธานี"
  • รถไฟขบวนที่ # 43 / 44 "กรุงเทพ ไป สุราษฎร์ธานี"

รถไฟที่เชื่อมต่อระหว่างเส้นทางกรุงเทพไปสุราษฎร์ธานี เจอรถไฟขบวนนี้จะเดินทางมาถึงที่สถานีปลายทางตรงกับเที่ยวเรือเฟอร์รี่ข้ามฝากรอบแรกในตอนเช้า ซึ่งเป็นรอบเที่ยวเรือที่มีความนิยมมากที่สุดในการเดินทาง หากคุณต้องการความสะดวกสบาย สามารถสำรองที่นั่งชั้น 1 ของรถไฟขบวนที่ # 85 และ # 83 (ซึ่งตั๋วขายออกหมดเร็วมาก) หรือจะเดินทางโดยรถไฟขบวนที่ # 167 และ # 173 ซึ่งเป็นรถไฟชั้น 2 แบบตู้นอนพัดลม ไม่มีเครื่องปรับอากาศ

รถไฟจากกรุงเทพฯ ไป กาญจนบุรี แม่น้ำแคว และน้ำตก

ในปี พ. ศ. 2486 ญี่ปุ่นได้สร้างสะพานข้ามแม่น้ำแควที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อสนับสนุนการสู้รบกับทหารอินเดีย โดยสะพานนี้มีความยาวทั้งหมด 415 กิโลเมตร สร้างโดยนักโทษชาวออสเตรเลีย ชาวดัตช์ และชาวอังกฤษ ซึ่งเส้นทางนี้ถูกเรียกว่า “ทางรถไฟสายมรณะ” นอกจากนี้สะพานดังกล่าวยังเป็นการเชื่อมต่อประเทศไทยกับพม่าอีกด้วย โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 17 เดือนในการสร้าง จากนักโทษทั้งหมด 12,624 คน ซึ่งไม่มีชีวิตรอดจากการก่อสร้าง ปัจจุบันใช้เป็นทางสัญจรของรถไฟสายธนบุรี - น้ำตก

ที่กาญจนบุรีมีจุดที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น สะพานข้ามแม่น้ำแคว (ซึ่งมีการทํานุบํารุงขึ้นมาใหม่หลังสงคราม) ช่องเขาขาด (Hellfire Pass - พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สถานแห่งความทรงจำ) นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์อื่นๆที่น่าสนใจอีก 2 แห่ง หากคุณสนใจและกำลังวางแผนที่จะเดินทางสามารถสำรองที่นั่งสำหรับการเดินทางครั้งนี้ได้ที่ 1690 เพื่อสอบถามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม สำหรับช่วงสุดสัปดาห์พิเศษ สามารถจองรถไฟขบวน 909 / 910 ล่วงหน้าได้อย่างน้อย 7 วัน

ประวัติความเป็นมาของการรถไฟแห่งประเทศไทย

แผนการแรกในการสร้างทางรถไฟในประเทศไทยเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2383 แต่ไม่มีความคืบหน้าจนกระทั่งในปี พ.ศ. 2399 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้รับของขวัญจากสมเด็จพระราชินีวิกตอเรียเป็น แบบจำลองรถไฟ (ซึ่งปัจจุบันตั้งแสดงไหว้อยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติในกรุงเทพฯ) ในช่วงปี พ.ศ. 2423 ได้เริ่มโครงการใหม่ขึ้นมาแต่ยังดำเนินการไม่เรียบร้อย จนกระทั่งเมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2436 ขบวนรถไฟสายแรกจากจังหวัดกรุงเทพฯไปยังจังหวัดสมุทรปราการก็ได้เปิดขึ้นอย่างเป็นทางการ ทำให้ไทยมีรถไฟใช้เดินทางสัญจรเป็นครั้งแรก

ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2435 บริษัทสัญชาติอังกฤษแห่งหนึ่งได้เริ่มก่อสร้างรถไฟสายกรุงเทพฯ - โคราช แต่ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2439 สัญญาฉบับนี้ได้ถูกยกเลิกไป ทำให้ประเทศไทยต้องดำเนินการก่อสร้างต่อภายใต้การบริหารท้องถิ่นและวิศวกรชาวเยอรมัน และเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2440 ได้มีการเปิดเส้นทางแรกจากกรุงเทพฯถึงอยุธยา และได้รับการจัดให้เป็นวันก่อตั้งของขบวนรถไฟแห่งประเทศไทย โดยใช้เวลาในการเดินทางจากกรุงเทพไปโคราชเพียง 6 ชั่วโมง ขณะที่เดินทางบนท้องถนนยังคงใช้เวลา 5 วัน นับเป็นพัฒนาก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่สำหรับเครือข่ายการคมนาคมสาธารณะของประเทศไทย และมีการวางแผนที่จะสร้างเส้นทางอื่นๆเพิ่มเติม

ในปี พ.ศ. 2452 ประเทศไทยมีขบวนรถไฟทั้งหมด 49 ขบวน จากสถานีหลักหัวลำโพง (กรุงเทพ) ซึ่งเปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2459 และในช่วงปี พ.ศ. 2520 รถไฟดีเซลรายแรก เริ่มให้บริการบนรางรถไฟของประเทศไทยและได้มีการเปิดตัวรถนอนเป็นครั้งแรก ซึ่ง ณ เวลานั้นการเดินทางจากกรุงเทพฯมายังเชียงใหม่ใช้เวลาประมาณ 26 ชั่วโมง (นานมากๆ เลย)

ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองกำลังญี่ปุ่นได้ดำเนิน 2 โครงการ ได้แก่ ทางรถไฟไทย - พม่า และทางรถไฟจากชุมพรไปสถานีเขาฝาชี ภายหลังถูกรื้อถอนโดยทหารอังกฤษหลังจากสิ้นสุดสงคราม หลังจากนั้นไม่นานสหรัฐอเมริกาสนับสนุนประเทศไทยในการสร้างเส้นทางใหม่ จากกรุงเทพฯไปจนถึงแม่น้ำโขงในหนองคาย

ต่อมาในปี พ. ศ. 2525 ได้มีการยกเลิกการใช้เครื่องยนต์ไอน้ำ และในปีพ. ศ. 2523 และ พ.ศ. 2533 มีการวางแนวเชื่อมใหม่ระหว่างท่าเรือชายฝั่งทะเลมาบตาพุดและแหลมฉบังบนชายฝั่งตะวันออก

ในปี พ.ศ. 2552 ทางรถไฟของประเทศไทยเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟท่านาแล้งในประเทศลาว

ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2558 ได้มีการปรับปรุงในส่วนของเครื่องยนต์ของรถไฟ ซึ่งสามารถลดระยะเวลาในการเดินทางจากกรุงไปภาคเหนือและอีสานได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันรถไฟขบวนที่ 7 จากหัวลำโพงไปเชียงใหม่ ใช้เวลาในการเดินทางเพียง 11 ชั่วโมงเท่านั้น

ในเดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ. 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ลงนามในข้อตกลงกับประเทศญี่ปุ่น เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการรถไฟความเร็วสูงระยะทางยาว 700 กม. เชื่อมระหว่างกรุงเทพและเชียงใหม่

รถไฟหรู Eastern & Oriental Express

3 คืน 4 วัน สำหรับใครที่ต้องเดินทางด้วยประสบการณ์ใหม่ๆ กับรถไฟสุดหรู Eastern & Orient Express เดินทางจากกรุงเทพฯไปยังประเทศสิงคโปร์ พร้อมอาหารและห้องพักบนขบวนรถไฟ ระยะทาง 2,318 กิโลเมตร รถไฟขบวนนี้ ถูกสร้างขึ้นในญี่ปุ่นและทำหน้าที่เป็น 'ซิลเวอร์สตาร์' ในนิวซีแลนด์สองปี ก่อนย้ายมาประจำการที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

รถไฟขบวนนี้เปิดให้บริการในเส้นทางที่สวยงามหลายแห่งของโลก เส้นทางใกล้ๆ จะเป็นการออกเดินทางไป-กลับระหว่างกรุงเทพฯ ผ่านตอนใต้ของประเทศไทยสู่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และเดินทางเข้าสู่ประเทศสิงคโปร์ ชมวิวทิวทัศน์ทางธรรมชาติ บ้านเมือง และวัฒนธรรมที่สวยงาม